สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลเมียนมา กับทหารกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 12 ล่าสุดช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารเมียนมาเปิดฉากระดมยิงปืน ค.120 มม. และปืนค.81 มม. จำนวนมาก ซึ่งยิงเข้าฐานที่มั่นกองกำลังกะเหรี่ยง KNU หมู่บ้านแม่ทอดตะเล (Mae Htaw Talay) เขตจังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่บ้านดอนไชย หมู่ที่ 6 ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยการยิงครั้งนี้ ทราบว่าเป็นการระดมยิงลูกระเบิดแบบวิถีโค้งและปืนกลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบการปะทะตลอดช่วงเวลา 12 วัน ของการยิงปะทะระหว่างกำลังทหารทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งช่วงเช้ามืดกินเวลามาจนถึง 06.00 น. ส่งผลกระทบทำให้ชาวบ้านฝั่งไทย ภายในหมู่บ้านดอนไชยฝั่งชายแดน หาที่หลบหลีกกันจ้าละหวั่น
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์ที่ชายแดนแม่สอด ตลอดแนวการสู้รบทั้ง 5 ตำบล รวมระยะทางกว่า 10 กม. ได้แก่ พิกัดจุด 1 ต.ท่าสายลวด พื้นที่เฝ้าระวัง พิกัดจุด 2 บ้านไร่กับบ้านดอนชัย ในต.แม่ตาว เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเข้มงวดเพราะอยู่ใกล้ฐานที่มั่นของกองกำลังกะเหรี่ยง KNU บ้านแม่ทอดตะเล (Mae Htaw Talay) เขตจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และบ้านเลเกก่อ (Lay Kay Kaw) พิกัดจุด 3 ต.แม่กุ พื้นที่เฝ้าระวัง พิกัดจุด 4 ต.มหาวัน จุดที่ปลอดภัยที่สุด ที่ตั้งที่พักพิงคอกวัวมหาวันเมยโค้ง และพิกัดจุด 5 ต.พบพระ จุดที่ปลอดภัย ที่ตั้งที่พักพิงวัดบ้านหมื่นฤาชัย
ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนไทย เปิดเผยตัวเลข (26 ธ.ค.) มีผู้อพยพอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่งตามหลักสิทธิมนุษยชน ได้แก่ คอกวัวกำนันปั่น บ้านดอนไชย จำนวน 317 คน, สนามกีฬาบ้านแม่กุหลวงเดิม จำนวน 816 คน เข้ามาเพิ่ม จำนวน 199 คน รวม 1,015 คน, คอกวัวมหาวันเมยโค้ง บ้านมหาวัน จำนวน 3,776 คน และวัดบ้านหมื่นฤาชัย จำนวน 152 คน รวม 5,260 คน และยังมีผู้ประสงค์สมัครใจรอเดินทางกลับ จำนวน 591 คน ขณะนี้มีผู้อพยพมาเพิ่มจนต้องตั้งที่พักชั่วคราวอีก 1 แห่ง คือ ที่อาคารอเนกประสงค์ บ้านแม่กุใหม่ เป็นประชาชน 137 คน พระสงฆ์ 4 รูป แม่ชี 1 รูป รวมจำนวน 142 คน ยอดผู้อพยพทั้งสิ้น 5,402 คน
ร.ท.วีรพล ขนิษดา หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 กองกำลังนเรศวร นำกำลังทหารราบ พร้อมใช้รถยนต์หุ้มเกราะ V150 จำนวน 3 คัน ขับลาดตระเวนบนถนนเลียบแนวแม่น้ำเมย โดยร.ท.วีรพล เปิดเผยว่า ในส่วนของฉก.จะลากตระเวนความเรียบร้อยที่บ้านดอนไชเป็นหลัง ส่วนแนวอื่นระยะทางตลอดแนวสู้รบ 10 กม. จะมีฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจตะเวนชายแดน และทหารจะตรึงกำลังดูแลรับผิดชอบในแต่ละจุด โดยจะหมุนเวียนกันตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งการเดินรถและเดินเท้า
ทั้งนี้ หากมีการยิงระเบิดหรือยิงอาวุธเบาลุกลามมายังฝั่งไทย มาตรการหรือปฎิบัติการทางทหารของฝั่งไทย จะมีการยิงระเบิดควัน เพื่อแจ้งเตือนฝั่งตรงข้ามทันที แต่ในช่วงนี้เบาบางแม้จะมีเสียงดังเกิดขึ้น แต่ไม่มีการยิงรุกล้ำเข้ามาฝั่งไทยแล้ว สำหรับในห้วงเวลาที่ผ่านมาจากการขอความร่วมมือชาวบ้านให้งดการใช้เส้นทางข้ามแม่น้ำเมยทุกจุด ชาวบ้านทุกคนต่างเข้าใจในสถานการณ์ และให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
เวลา 14.00 น. ทีมข่าวพบว่าอากาศยาน 2 ลำ เป็นเฮลิคอปเตอร์ติดจรวด บินอยู่ฝั่งเมียนมาก่อนจะมีการทิ้งระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเสียงปืนยิงโต้ตอบที่ภาคพื้นที่ดิน และหลังตอบโต้กันมีควันคลุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นระยะ ๆ ที่บริเวณบ้านแม่ทอดตะเล (Mae Htaw Talay) ตรงข้ามคอกวัวกำนันปั๋น บ้านดอนไชย เวลาสู้รบกันนานถึง 1 ชม. แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย และผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ส่งผลให้ชาวเมียนมาอพยพข้ามน้ำเมยหนีตายกันมาไม่ต่ำกว่า 1 คันรถ 10 ล้อ หรือประมาณ 100 คน
โดยหลังกองทัพทหารเมียนมา ระดมใช้อากาศยานยิงต่อเนื่อง ตั้งแต่เวลา 14.00 -15.00 น. นางแดง ตาปาน อายุ 52 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านดอนไชย บ้านอยู่ตรงข้ามติดแนวปะทะ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ยิงกันสนั่นครั้งนี้ ตนต้องหลบอยู่ห้องชั้นล่างไม่กล้าไปไหนกลัว บ้านก็สะเทือน ทุกวันนี้ตนไปไหนไม่ได้ ต้องอาศัยลูกส่งเงินมากให้ เพราะที่ฝั่งไทยมีแต่บ้าน แต่ที่ดินทำกินอยู่แม่ทอดตะเล เมียนมา ก็ถูกถล่ม ลูกน้องทั้ง 4-5 คน หนีตายมาอยู่ศูนย์อพยพ โชคดีข้าวโพดเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ขายวางอยู่มากกว่า 1,000 กระสอบ ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร เพราะยังข้ามไปไม่ได้ ส่วนบ้านน่าจะได้รับความเสียหาย ตนจึงได้แต่ภาวนาไหว้พระขอให้สงครามครั้งนี้ยุติโดยเร็ว อย่าทำให้บ้านเมืองฝั่งเมียนมาเสียหายไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้พบว่ามีชาวเมียนมาหนีภัยหลบมาอยู่ริมน้ำ ตั้งเต็นท์เป็นที่พักพิงชั่วคราวกันตลอดแนวริมน้ำเมยฝั่งเมียนมาไม่ต่ำกว่า 200 คน ขณะที่ทางการไทยส่งฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหารและตำรวจตะเวนชายแดน ตรึงกำลังรอให้ความช่วยเหลือเมื่อมีการปะทะ แต่ในระหว่างที่สถานการณ์ยังปกติ ชาวเมียนมาสามารถเดินข้ามน้ำมารับอาหารและเครื่องดื่มได้
นายอำพล แช่มชื่น ผู้ใหญ่บ้านแม่กุหลวง เปิดเผยว่า ตนเป็นส่วนหนึ่งในการต้องอยู่เวรเฝ้าระวังเกือบตลอด 24 ชม. เพื่อความปลอดภัยของคนในหมู่บ้าน และยังเฝ้าระวังอยู่ที่ท่าน้ำวัดแม่กุหลวง ซึ่งน้ำลึกหวั่นชาวเมียนมาข้ามมาและได้รับอันตราย แต่ให้อพยพได้ที่ท่าข้ามแม่กุใหม่ท่าซุง ซึ่งน้ำตื่นกว่า แต่วันนี้ไม่มีรายงานคนอพยพข้ามมาที่จุดนี้ แม้จุดนี้สถานการณ์จะไม่ตรึงเครียดเหมือนช่วงบ่ายที่บ้านดอนไช แต่ก็ยังเป็นพื้นที่เฝ้าระวังซึ่ง ตำรวจตะเวนชายแดน 34 แม่สอด ได้ใช้รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนตลอด 24 ชม.
