จากกรณีนายปัญญา คุ้มตระกูล ชาวบ้านใน อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ถูกแก๊งตบทรัพย์รุมทำร้ายเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 61 นอกจากนี้พบว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน กลุ่มคนร้ายยังไปก่อเหตุ ในท้องที่ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ แล้วออกตระเวนตามท้องถนนเพื่อหาเหยื่อในการตบทรัพย์อีกจำนวนมาก ทั้งใน อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์อีก 2 ราย โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบัว แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง
วันที่ 16 ธ.ค. 61
นางสาวรุ่งทิพย์ แสงปาน หรือ ส้ม ผู้เสียหาย พร้อมด้วย
นายเดโช เคนผา สามี เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.เนตร เรืองคำ สว.(สอบสวน) สภ.หนองบัว โดยผู้เสียหายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการให้ปากคำรายละเอียดเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ รวมถึงพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัย ก่อนจะออกมาเปิดเผยว่า ตนตัดสินใจมาแจ้งความอีกครั้ง เพราะได้รับการติดต่อมาจาก พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ ให้เข้ามาแจ้งความโดยเร็วที่สุด
ขณะนี้ตนรู้สึกสบายใจมากขึ้น และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมกลุ่มคนร้ายได้โดยเร็ว เนื่องจากตนกลัวว่า หากกลุ่มคนร้ายไม่พอใจก็อาจกลับมาทำร้ายพวกตนได้ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่า กลุ่มคนร้ายมีประวัติการกรรโชกทรัพย์มากน้อยเพียงใด แต่เท่าที่ทราบ มิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยก่อคดีมาแล้ว ทำให้พวกตนรู้สึกกลัวว่า อีกฝ่ายจะไปก่อเหตุกับผู้อื่นอีก
นางสาวรุ่งทิพย์ ยอมรับว่า ตนกลัวว่าหลักฐานกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ อาจไม่เพียงพอ เนื่องจากเหตุเกิดมาแล้วหลายวัน ส่งผลให้ขั้นตอนการสืบสวนช้าลง ทั้งนี้ กรณีมีเหตุเกิดที่ อ.หนองใหญ่ ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น ตนคาดว่าอาจเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุที่อยู่ในขบวนการเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ใช่คนเดียวกัน แต่สำหรับกรณีตนกับลุงปัญญา คุ้มตระกูล ผู้เสียชีวิตจาก อ.ไพศาลี นั้น ตนมั่นใจว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุกับตน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองบัว นำโดย พ.ต.ต.เนตร เรืองคำ สว.(สอบสวน) สภ.หนองบัว พาผู้เสียหายตรวจสอบพื้นที่ พร้อมกับจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถกระบะ 1 คันมาจำลองเป็นรถของกลุ่มคนร้าย
โดยจุดที่ 1 เริ่มต้นที่หน้าธนาคาร ธกส. สาขาหนองบัว โดยรถของผู้เสียหายได้ขับขี่ออกจากที่ทำงานเตรียมจะกลับบ้าน แต่เมื่อถึงช่วงหน้าธนาคาร ก็ถูกรถกระบะคู่กรณีขับมาแซงด้านหน้า ก่อนจะขับไล่ตามกันไป
จุดที่ 2 บริเวณหน้าโรงฆ่าสัตว์เทศบาลหนองบัว เป็นจุดที่รถคู่กรณีกับรถผู้เสียหายขับเฉี่ยวชนกัน เนื่องจากรถของผู้เสียหายพยายามจะขับแซงรถของคู่กรณี แต่รถคู่กรณีไม่ยอมชะลอให้แซง จึงเกิดการเฉี่ยวชน
จุดที่ 3 หน้าศาลเจ้าแม่อ่อนศรี ตรงข้ามร้านก๋วยเตี๋ยว ขุมชนบ้านป่ารัง ผู้เสียหายระบุว่าได้จอดรถลงมาเจรจากันกับคู่กรณี แต่ถูกคู่กรณีทวงถามว่ารถมีประกันหรือไม่ พร้อมทั้งระบุให้ผู้เสียหายชดใช้ค่าเสียหาย 8,500 บาท เมื่อคู่กรณีเห็นว่ามีพลเมืองดีเข้ามาคุยด้วย ก็จะพาผู้เสียหายเข้าไปเจรจาอีกจุดหนึ่ง
จากนั้น
นางตั๊ก (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ ต.แสนชาติ เปิดใจว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 57 ซึ่งมีกลุ่มชาวบ้านบางส่วนก่อเหตุตบทรัพย์คนนอกพื้นที่นั้น ทำให้หมู่บ้านและตำบล เกิดความเสื่อมเสียอย่างมาก ทั้งที่มีเพียงคนกลุ่มเดียวเป็นผู้กระทำ แต่ถูกสังคมและคนภายนอกกลับประณามด่าทั้งหมู่บ้าน และกล่าวหาเหมารวมว่าทำพฤติกรรมแบบนี้กันทั้งหมู่บ้าน ทั้งที่ความจริงยังมีคนอีกไม่น้อยที่ประกอบอาชีพสุจริต
นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเด็กรุ่นใหม่ เนื่องจากมีชาวบ้านบางส่วนไปสมัครงาน ทำให้ถูกมองว่า เป็นญาติของหมู่บ้านโจร เพราะส่วนใหญ่เมื่อถามว่ามาจากที่ไหน ถ้ามาจากหมู่บ้านบึงโดน ต.แสงชาติ ก็จะถูกปฏิเสธรับงานทันที นอกจากนี้ เวลาไปติดต่อทำเอกสารที่หน่วยงานราชการ เช่น ทำใบขับขี่ ก็ถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน
ซึ่งหลังจากที่เกิดเรื่องในปี 57 ก็มีหน่วยงานทหาร จังหวัด เข้ามาจัดพิธีดื่มน้ำสาบาน โดยผู้ก่อเหตุทั้ง 47 คน ก็เข้าร่วมพิธี และกลับตัวกลับใจไปทั้งหมดแล้ว เพราะตอนนี้ทุกคนต่างมีอาชีพสุจริต มีครอบครัว แต่ก็ไม่ทราบว่าจะมีบางคนแอบกลับไปทำผิดอีกหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณี นายตือ ผู้ที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งนายตือก็เคยผ่านพิธีสาบานในครั้งนั้นมาแล้ว
นางตั๊ก ฝากถึงกลุ่มผู้ที่หลงผิด จนกระทั่งทำให้หมู่บ้านเสื่อมเสียว่า ต้องการให้เลิกนิสัยนั้น เพื่อคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านและตำบล อีกทั้งที่สังคมมองหมู่บ้านว่าเป็น “หมู่บ้านโจร” นั้น ยอมรับว่า รู้สึกโกรธ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ทำอาชีพสุจริต และสังคมควรแยกแยะให้ดี