กรณีร.ต.อ.พนมกร พูลสวัสดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุเด็กนักเรียนช่างกลยิงกัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ปากซอยสะแกงาม 14 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.9 แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
เมื่อไปที่เกิดเหตุบริเวณหน้าปั๊มน้ำมัน เจ้าหน้าที่พบรอยเลือดหยดเป็นหย่อม ๆ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งสิ้น 3 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกล้เคียงไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยมี 1 รายเสียชีวิตขณะนำส่งที่ รพ.พีเอ็มจี ต่อมาทราบชื่อ นายภูมิเมฆ อินทนนต์ อายุ 20 ปี ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หน้าอก 1 นัด
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีจำนวน 2 ราย ทราบชื่อ นายคิม วิน อายุ 30 ปี เด็กปั๊มสัญชาติพม่า ถูกกระสุนลูกหลงไม่ทราบขนาดเข้าที่ใต้ราวนมซ้าย ทะลุสะบักหลังข้างซ้าย ต้องหามตัวส่งรพ.บางปะกอก 8 และนายพัชรพล ยังไม่ทราบนามสกุล ถูกยิงเข้าที่ท้อง นำตัวส่ง รพ.นครธน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ กล้องหน้ารถของกู้ภัยสามารถจับภาพขณะที่เด็กช่าง กำลังขี่รถจักรยานยนต์พาเพื่อนที่ถูกยิง ซ้อนท้ายมาจอดขอความช่วยเหลือกับกู้ภัย ซึ่งในภาพจะเห็นว่ามีกลุ่มเด็กช่างขี่รถเข้ามาจอด 4 คัน จำนวน 11 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบทั้งหมด
ล่าสุดวันที่ 30 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันดังกล่าว ปากซอยสะแกงาม 14 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ลักษณะจุดเกิดเหตุเป็นปั๊มที่อยู่ติดถนนสะแกงาม รอบ ๆ บริเวณปั๊ม มีโรงานและหอพักอยู่ติดกับปั๊ม ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายยอด อายุ 24 ปี เพื่อนร่วมงานกับนายคิม วิน พนักงานปั๊มที่ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้ประมาณ 1 ทุ่ม มีเด็กช่าง 2 คนขี่รถเข้ามาเติมน้ำมันในปั๊ม พอเติมเสร็จก็ขี่รถออกไปหน้าปั๊ม แล้วก็ไปเจอคู่อริ ยิงปืนใส่
จากนั้น นายคิม ก็ไปยืนดูเหตุการณ์ จนถูกกระสุนลูกหลงของเด็กช่างเข้าที่ท้อง จำนวน 1 นัด ตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่ากลุ่มเด็กช่างจะกล้ายิงเข้ามาในปั๊ม ตอนนี้นายคิม อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
นายภาณุวัฒน์ ร่วมบุญ กู้ภัย อปพร.เขตบางบอน เจ้าของกล้องหน้ารถ เปิดเผยว่า ตนกำลังขับรถกู้ภัยมาจอดบริเวณจุดจอดรถกู้ภัย ปากซอยสะแกงาม 1 จู่ ๆ ก็มีกลุ่มวัยรุ่นบีบแตรเสียงดังมาขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นไม่รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นมีปัญหาทะเลาะวิวาทกัน จึงจอดรถและลงไปดู จนพบว่ามีวัยรุ่นที่ซ้อนรถคันแรกถูกยิง 1 คน ขณะนั้นผู้บาดเจ็บมีชีพจรอ่อนแล้วต้องเร่งปฐมพยาบาล ก่อนเพื่อนของผู้บาดเจ็บจะขี่รถเข้ามาเพิ่มหลายคัน วัยรุ่นมากกว่า 10 คน พร้อมอาวุธมีด และสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ
จากการสอบถามเพื่อนผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า พวกตนได้ขี่รถมาเจอกลุ่มคู่อริบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันปากซอย สะแกงาม 14 จากนั้นลงไปทะเลาะกัน ก่อนจะโดนคู่อริฝั่งตรงข้ามยิงใส่ ส่วนอาวุธปืนไม่พบในที่เกิดเหตุ เพราะตอนนั้นชุลมุนมาก มีทั้งเด็กปั๊มที่ถูกลูกหลงและคู่อริฝั่งตรงข้ามบาดเจ็บอีก 1 ราย นอกจากนี้ ในพื้นที่นี้มักมีกลุ่มวัยรุ่นเด็กช่าง ไม่ทราบสถาบันทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้งเกือบทุกสัปดาห์ แต่ยังไม่เคยเกิดเหตุยิงกันแบบครั้งนี้มาก่อน
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณตรงข้ามปั๊มน้ำมัน สะแกงาม 14 แขวง แสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร จับภาพกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 2 มารวมตัวกัน 6 คัน บริเวณหน้าปั๊ม และบริเวณทางออกจะเห็นว่ารถจักรยานยนต์ฝั่งผู้เสียชีวิตจอดบริเวณทางออกหน้าปั๊ม ก่อนจะมีปากเสียงกัน จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น และเกิดความชุลมุน กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงใส่กัน จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นฝั่งธนบุรีรีบขี่รถจักรยานยนต์แยกย้ายกันหลบหนี
โดยหลังจากเกิดเหตุ ตำรวจได้ควบคุมตัวเด็กช่างที่ก่อเหตุทั้ง 2 ฝั่งได้แล้ว 4 คน ได้แก่ นายอัครชัย อายุ 16 ปี และนายเต้ อายุ 17 ปี ที่เป็นเพื่อนของผู้ตาย ส่วนฝั่งนักเรียนวิทยาลัยคู่อริ ที่ตำรวจควบคุมตัวมาได้ 2 คน ตำรวจยังไม่ขอเปิดรายชื่อ จากการตรวจสอบพบว่าวันเกิดเหตุ เป็นวันคืนสู่ถิ่นสถาปนาวิทยาลัย ครบรอบ 55 ปี
นายภพ อายุ 48 ปี พ่อของนายอัครชัย กล่าวยอมรับว่า ตนรู้สึกตกใจหลังจากทราบว่าลูกชายอยู่ในกลุ่มของวัยรุ่นที่ก่อเหตุยิงกันจนถูกตำรวจจับกุม ก่อนหน้านี้ลูกชายไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ที่ผ่านมาลูกชายทำงานขับรถส่งอาหาร เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน กระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนลูกชายไปเข้าเรียน จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนตัวไม่เคยรับรู้ปัญหาว่าลูกชายมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร แต่ตนเชื่อว่าน่าจะเป็นปัญหาของกลุ่มรุ่นพี่ที่ลูกชายคบหาอยู่ด้วย หลังจากนี้หากการสืบสวนของตำรวจพบว่า กลุ่มของลูกชายผิดจริง ตนก็คงจะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทีมข่าวรายงานบรรยากาศงานศพของนายภูมิเมฆ ที่วัดท่าข้าม ครอบครัวและคนสนิทรวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องของสถาบันเดียวกันมาร่วมแสดงความเสียใจ ซึ่งทุกคนยังอยู่ในอาการโศกเศร้า โดยเฉพาะปู่ของนายภูมิเมฆ ที่ได้แต่นั่งเกาะโลงศพหลานชาย ส่วนพ่อก็ร้องไห้ไม่หยุด
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวอรพิน อินทนนท์ อาของนายภูมิเมฆ กล่าวว่า ตั้งแต่รู้ว่าหลานอยากเรียนที่สถาบันแห่งนี้ ตนก็มักจะเตือนอยู่เสมอ ๆ เพราะตนรู้ว่าการเรียนสายนี้มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทต่างสถาบัน ในวันเกิดเหตุตนก็ย้ำกับหลานชาย เพราะรู้ว่าเป็นวันสถาปนาสถาบัน อาจจะต้องมีเรื่องระหว่างสถาบันเกิดขึ้น หากเจอกับคู่อริต่างสถาบัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดกับหลานชายตัวเอง เพราะโดยนิสัยแล้วหลานชายไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร ทำแต่งานเพื่อส่งตัวเองเรียนจนมาถึงปีสุดท้าย และหลานก็พูดกับตนอยู่ตลอดว่าจะไม่สร้างปัญหาให้กับครอบครัว หลังจากที่รู้ว่าปู่แท้ ๆ ล้มป่วย
"ยอมรับว่าเข้าใจด้วยระบบรุ่นพี่รุ่นน้องของการเรียนสายนี้ หลังจากที่หลานขึ้นมาเป็นรุ่นพี่ ก็จะต้องดูแลปกป้องรุ่นน้อง เวลาจะไปไหนมาไหน พอมีเรื่องก็จะเป็นเป้าหมายที่อริต่างสถาบันจะเพ่งเล็ง หลังจากนี้อยากให้ตำรวจสรุปคดีและสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อหาทางออกไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก" อาผู้เสียชีวิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถพิสูจน์ตัวบุคคลได้แล้วบางส่วน และคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่าย มาได้รวม 4 คน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ตำรวจจำเป็นต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่มีการละเว้น แม้จะเป็นเยาวชนก็ตาม และหากผลการสืบสวนพบว่าพ่อแม่ผู้ปกครอง ขาดการดูแลเอาใจใส่ ไม่ควบคุมดูแลบุตรหลาน ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย