เหตุการณ์สลดต้อนรับปีใหม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 09.00 น. มีชายวัย 48 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขาสั้น มีผ้าห่มคลุมตัว ทราบชื่อนายบัว เถื่อนถ้ำ มีอาการเหมือนคนเครียดจัดจนคลุ้มคลั่ง ถืออาวุธปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์เดินไปเดินมาอยู่บนหลังคาบ้าน หมู่ 9 ต.สระโบสถ์ อ.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นบ้านของเพื่อนบ้าน พร้อมบ่นคนเดียวพักใหญ่ ไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้ ไม่ยอมพูดคุยเจรจากับใครทั้งสิ้น
ทางครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สระโบสถ์ อาสาสมัครราชพฤกษ์สระโบสถ์ และแพทย์จิตวิทยา รพ.สระโบสถ์ พยายามร้องตะโกนเกลี้ยกล่อมอยู่ด้านล่างหลายชั่วโมง เพื่อให้ใจเย็นลง แต่ก็ไม่สำเร็จ กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. นายบัวยกปืนจ่อหัวตัวเองแล้วบอกว่าจะยิง จนภรรยาและลูกสาวตะโกนเกลี้ยกล่อมทำให้มีอาการนิ่งลง
เวลาประมาณ 14.07 น. ตามเวลาในกล้องวงจรปิด นายบัวใช้ปืนชึ้นมาจ่อหัวตัวเองอีกครั้ง ตัดสินใจลั่นไกปืนใส่หัวตัวเองเสียชีวิตบนหลังบ้าน กระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะด้านขวาทะลุด้านซ้าย สมองกระจายทั่วบริเวณและเลือดไหลนอง สร้างความตกใจแก่ครอบครัวและชาวบ้านนับสิบรายในที่เห็นเหตุการณ์
ล่าสุด วันที่ 2 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปยังบ้านของนายบัว ถูกจัดเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางเจียม เพ็งสลุง อายุ 48 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่า เมื่อก่อนสามีเป็นคนที่ชอบดื่มเหล้าหนักมาก แต่เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าตัวเองอยากหยุดเหล้า เพราะลูกขอไว้ และอยากทำเพื่อครอบครัว จึงพยายามหยุดดื่มมาโดยตลอด
บวกกับได้มีการกล่าวปฏิญาณตนว่าจะไม่ดื่มเหล้าตลอดชีวิต และรับขันธ์ 5 ที่บ้าน ซึ่งมีชาวบ้านคนหนึ่งในต่างหมู่บ้านที่ถือศีล 5 อยู่แล้วเป็นคนทำพิธีให้ ตนเองก็อยู่ในพิธีด้วย อุปกรณ์ที่ใช้ทำพิธีก็มีแค่ขัน 1 ใบ ธูป 5 ดอก เทียน 5 เล่ม ดอกดาวเรือง 1 กรวย เหรียญบาท 5 เหรียญ ไม่ได้มีการเข้าทรงหรือท่องบทสวด แค่กล่าวคำปฏิญาณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะเลิกเหล้าตลอดชีวิต ไม่มีการสาบานให้มีอันเป็นไปด้วย ตั้งแต่นั้นมาสามีก็ไม่ได้ดื่มเหล้าอีกเลย ปัจจุบันชาวบ้านคนที่ทำพิธีให้ได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากทำพิธีให้สามี 2 เดือนด้วยโรคมะเร็ง
จนกระทั่งต้นเดือนธันวาคม 2564 ตนเห็นว่าสามีเริ่มกลับมาดื่มเหล้าอีกครั้ง ตนก็เตือนว่าเคยให้สัญญญาไว้แล้ว แต่สามีบอกว่า “ทำงานเหนื่อย ขอกินนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” กลายเป็นว่าหลังจากนั้นสามีก็มีอาการผิดแปลกไปคือไม่ค่อยพูดจา นิ่งเงียบ และถามหาลูกทุกวัน เคยพูดเป็นลางกับตนไว้ด้วยว่า "ถ้าเป็นอะไรไป ให้ตั้งศพไว้บ้านนะ อยู่วัดมันเหงา" ต่างจากเมื่อก่อนที่เป็นคนสนุกสนานเฮฮา
และเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา สามีขอเงิน 40 บาท จากลูกสาววัย 17 ปี เพื่อไปซื้อเหล้าขาวมาดื่มฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่บ้านคนเดียว แล้วก็กินจนหลับไป ต่อมาช่วงเช้าของวานนี้ สามีตื่นขึ้นมาอาการนิ่งเฉยเหมือนคนเพิ่งสร่างเมา นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ตนเรียกกินข้าวก็ไม่กิน บอกว่าขอจิบน้ำ พอจิบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ก่อเหตุ แล้วคาดว่าคงมีอาการเครียด เพราะนึกขึ้นได้ว่าเคยสาบานไว้ จึงเดินไปหยิบปืนมาจากห้องนอน พร้อมเอาผ้าขนหนูสีน้ำตาลผืนโปรดมาห่ม พร้อมกับบ่นพึมพำกับลูกสาววัย 22 ปีในบ้านว่า "พ่ออยู่ไม่ได้แล้ว พ่อต้องไป เพราะพ่อเสียสัจจะกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไปสาบานเอาไว้ อาจจะทำให้พ่อมีอันเป็นไป" ซึ่งลูกก็พยายามเกลี้ยกล่อมตลอดถามว่า "พ่อไม่รักหนูเหรอ" พูดไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล
จากนั้น สามีก็เดินไปหลังบ้าน แล้วเหยีบถังสังกะสีเพื่อปีนโอ่งใส่น้ำขนาดใหญ่ ขึ้นไปบนหลังคาบ้านตัวเองและเดินข้ามมาที่บ้านของป้าที่หลังคาติดกัน มีอาวุธปืนติดมือไปด้วย จนชาวบ้านมาเห็นมาบอกตน ตนเห็นท่าไม่ดีจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเกลี้ยกล่อมหวังให้สงบสติอารมณ์ เช่นเดียวกับลูกสาวที่พยายามถามพ่อว่า "ทำแบบนี้ไม่รักลูกแล้วเหรอ" นายบัวก็ตอบมาสั้น ๆ ว่า "รัก" และไล่ให้ทุกคนออกห่าง สุดท้ายก็เกิดเหตุสลดขึ้นต่อหน้าต่อตาลูกเมีย
ตนยังทำใจไม่ได้ ใจสลายไปหมด แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วว่าสามีอาจมีอันเป็นไปเพราะผิดสัจจะ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจปลิดชีพตัวเองแบบนี้ ยอมรับว่าตอนนี้มืดไปหมด เพราะปกติแล้วสามีเป็นเสาหลักของบ้าน ไม่เคยห่างครอบครัว เป็นคนจิตใจดี ไม่เคยดุด่า เขาทำอาชีพรับจ้างทั่วไป เพื่อเอาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาว ซึ่งอีก 1 ปีครึ่งก็จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว มีหวังลูกคงไม่ได้เรียนต่อ เนื่องจากตัวเองก็ไม่ได้ทำงาน เงินเก็บก็ไม่มี อย่างไรก็ตาม ตนก็ต้องสู้ต่อไป จะเป็นพ่อและแม่ให้กับลูกเสมอ จะทำทุกอย่างให้ลูกได้เรียนต่อ และอยากบอกสามีก็ไม่ต้องห่วง ให้ขึ้นสวรรค์ไป เกิดมาชาติหน้าก็ขอให้มาเป็นครอบครัวที่มีความสุขเหมือนที่เคยเป็น
หลังจากนั้น นางเจียมหยิบถุงเสื้อผ้าที่สามีใส่ในวันเกิดเหตุ มีผ้าขนหนูผืนโปรดที่สามีมักจะใช้เป็นประจำและไม่ให้ใครยุ่ง เจ้าตัวบอกว่าใจลึก ๆ ก็อยากเก็บไว้เป็นของแทนใจ แต่ก็ต้องเผาไปกับร่างของสามีในวันอังคารนี้ เพราะเขาหวงมาก ก่อนที่จะมาจุดธูปบอกกล่าวกับดวงวิญญาณสามีทั้งน้ำตาอีกครั้งว่า "ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะเป็นทั้งแม่ทั้งพ่อให้ลูก ขอให้ไปสบาย ไม่ต้องลำบากอย่างนี้อีก"
นางสมนึก เกิดศรี อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อนบ้านผู้ตาย เล่าว่าขณะเกิดเหตุตนกำลังกวาดบ้านอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเดินอยู่บนหลังคา ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแมว แต่เสียงมันดังโครมครามขึ้นเรื่อย ๆ จึงเดินออกมาบอกให้เพื่อนบ้านดูให้หน่อยว่ามีตัวอะไรบนหลังคาไหม
ระหว่างที่กำลังชะโงกดู ลูกสาวของผู้ตายก็วิ่งมาด้วยหน้าตาแตกตื่น แล้วบอกตนว่า “พ่อหนูปีหลังคาข้ามมาบ้านป้าแล้ว” พอหันไปดูก็เห็นว่าผู้ตายเดินไปเดินมา ถือปืนอยู่บนหลังคาจริง ๆ ตอนนั้นตกใจมาก สั่นไปหมดทั้งตัว เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้แค่ในโทรศัพท์ เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตายไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ ต่อให้กินเหล้าเมาก็ไม่เคยระรานใคร นิสัยดี ร่าเริงด้วยซ้ำ ไม่เคยมีประวัติเสพยาเสพติด
เมื่อวานก็ให้หลานช่วยทำความสะอาดคราบเลือดบนหลังคาและถอดรางน้ำที่มีคราบเลือกทิ้งหมดแล้ว และแม้ว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อคืนก็ให้หลานมานอนเป็นเพื่อน จากปกติจะนอนคนเดียว เพราะกลัว ส่วนตัวมองว่าการตายแบบนี้เหมือนตายโหง ตายไม่ธรรมดา จึงตั้งใจว่าหลังจากนี้จะมีการนิมนต์พระมาทำบุญบ้านครั้งใหญ่ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ตาย และอยากบอกว่า "อย่ามากวนป้าเลย ป้าอยู่คนเดียว ลูกผัวก็ตายหมดแล้ว ไปอยู่ที่ดี ๆ นะ เดี๋ยวจะทำบุญให้"