จากกรณี ด.ช.สายฟ้า อายุ 6 ปี บุตรของนางนรินทร์รัตน์ ถนอมวงษ์ และอาศัยอยู่กับนายปัญญา ชัยเชียงเอม อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง เสียชีวิตในรถยนต์เก๋ง ที่บ้าน ม.5 บ้านแหลมทองหลาง ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โดยอ้างว่าลูกชายถูกทำของใส่ จึงให้นอนในรถยนต์ แต่ร่างกายมีร่อยรอยบาดแผลถูกทำร้าย ส่วนแม่แท้ ๆ ของเด็กไม่ติดใจการตาย อ้างว่าพูดไปลูกก็ไม่ฟื้นนั้น
วันที่ 3 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง สภ.แหลมงอบ มีการสอบปากคำนายปัญญาชัย เชียงเอม อายุ 45 ปี พ่อเลี้ยง และนางนรินทร์รัตน์ ถนอมวงษ์ แม่แท้ ๆ ของผู้เสียชีวิต
พลตำรวจตรีปกรณ์ มณีปกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตราด เปิดเผยภายหลังการประชุมในความคืบหน้าว่า คดีเด็กชายสายฟ้า อายุ 6 ปี ที่เสียชีวิตภายในรถยนต์อย่างปริศนา ว่าจากการสอบปากคำ นางนรินรัตน์ แม่ผู้เสียชีวิต ยอมรับสารภาพว่า นายปัญญา สามี เป็นคนฆ่าเด็กชายสายฟ้า ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ นายปัญญาก็ยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ลงมือก่อเหตุช่วงกลางคืนในวันเกิดเหตุ ใช้ไม้และกำปั้นกำลังทุบตีเด็กจนแน่นิ่ง ก่อนที่จะอุ้มเด็กไปไว้ในรถ หลังจากนั้นปิดประตูขังไว้ในรถยนต์
กระทั่งเด็กชายสายฟ้าเสียชีวิตในรถ สาเหตุที่ทำร้ายเด็กชายสายฟ้านั้น มาจากเรื่องที่ส่วนตัวนายปัญญามีความเครียด หลังเด็กมักร้องไห้บ่อยครั้ง ผนวกกับการที่ตัวเองเสพยาเสพติด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาไปยังนายปัญญาคือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างพิจารณาจากพนักงานสอบสวนในการดูพยานหลักฐานเพิ่มเติม สาเหตุที่นางนรินรัตน์ไม่ยอมเปิดเผยความจริง ตั้งแต่ในตอนแรกนั้น มองว่าอาจจำเป็นต้องปิดบังและปกป้องสามี เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว และจากข้อมูลยังพบในอดีต นางนรินรัตน์ เคยลงมือตีเด็กชายสายฟ้าด้วย เวลาที่เด็กชายสายฟ้าดื้อตามประสาเด็ก ซึ่งสำหรับผลชันสูตรเบื้องต้นพบเด็กชายสายฟ้าศีรษะแตกและแขนหัก ซึ่งขณะนี้ได้ส่งศพไปชันสูตรเพิ่มเติม เพื่อหาขอเท็จจริงว่าผู้เสียชีวิตถูกบังคับไม่ให้กินอาหารด้วยหรือไม่
หลังสอบปากคำ นายปัญญา ผู้ต้องหา นานกว่า 5 ชั่วโมง ทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุย นายปัญญา เปิดใจว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น เกิดจากที่ลูกชายชอบร้องไห้ จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบทำร้ายร่างกายน้องสายฟ้า ไม่ได้มีเจตนาให้ตาย แต่มันพลั้งมือ ส่วนนางนรินทร์รัตน์ ถนอมวงษ์ แม่ของผู้เสียชีวิต ก็เป็นคนดีและรักลูก ซึ่งการตีลูกก็ตีในบางครั้งเวลาที่ลูกดื้อซน ไม่ได้ตีให้ตาย
ส่วนสาเหตุที่เอาลูกไปนอนที่รถนั้น มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของความเชื่อ โดยน้องสายฟ้ามีพฤติกรรมที่นอนละเมอแล้วทำร้ายตัวเอง จากบางสาเหตุที่อธิบายไม่ได้ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการขังลูก ลูกสามารถเปิดประตูลงจากรถได้ เคยตีลูกก็เพื่อสั่งสอนเท่านั้น และยืนยันว่ารักน้องสายฟ้าเหมือนลูกตัวเองอีกคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า "ถ้ารักแล้วทำไมถึงฆ่า ถ้าบางแผลผู้ต้องหาไม่ได้ทำ แล้วใครเป็นคนทำ" แต่ผู้ต้องหาไม่ตอบ บอกว่า "ตนรู้สึกผิดและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น รู้ตัวเองทั้งหมดทุกอย่าง แต่รู้สึกกังวลใจเรื่องคดีและยอมรับว่าเป็นห่วงลูกสาวอีกคน แต่ก็ต้องทำใจยอมรับผลที่เกิดขึ้น"
ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายปัญญา ผู้ต้องหา ไปชี้จุด ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยยอมรับว่าน้องสายฟ้าร้องไห้งอแง จึงมีการใช้กำลังและใช้ไม้ทุบตีน้องสายฟ้า จนกระทั่งร้องไห้ จากนั้นจึงฉุดกระชากลากตัวน้องออกมาไปที่รถยนต์ที่จอด ซึ่งเป็นที่นอนประจำของน้องสายฟ้า จากนั้น พลักตัวของน้องสายฟ้าล้มหัวฟาดล้อรถ แล้วให้เข้าไปอยู่ในรถยนต์ กระทั่งมาเสียชีวิตในเช้าวันต่อมา
ในขณะที่ตำรวจยังคงคุมตัวสอบปากคำนางนรินทร์รัตน์ ถนอมวงษ์ แม่ของผู้เสียชีวิต และยายของผู้เสียชีวิต โดยยังไม่ปล่อยตัวออกจากห้องสอบ ซึ่งจะให้เวลาสอบเข้มเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย พ.ต.อ.คงศักดิ์ บุญสื่อสุวรรณ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า แม่ของผู้เสียชีวิต ก็ยังคงมีความเชือด้านไสยศาตร์ เหมือนกับนายปัญญา จึงต้องใช้เวลาในการสอบสวนนานกว่าเดิม เนื่องจากข้อมูลหลายอย่างไม่สามารถ พิสูจน์ทราบจากที่เป็นเรื่องของความเชื่อได้
นางสาวหมอ ไฉยฤทธิ์ อายุ 69 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตมักจะเอาน้องสายฟ้าไปนอนในรถทุกวัน เอาเข้าไปตอนค่ำ และไปรับออกมาตอนเช้า ตนก็รู้สึกแปลกใจ แต่ไม่กล้ามีใครเข้าไปยุ่ง โดยอ้างว่าเป็นเรื่องคุณไสย โดนทำของใส่ แต่ส่วนตัวก็นับถือศาสนาอิสลาม ก็ไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้ และมองว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ผีจะมาทำร้ายคน มันต้องมีคนทำร้าย
ส่วนใหญ่จะพบเจอน้องสายฟ้า มาเล่นกับหลานที่บ้าน ซึ่งตนก็เอ็นดู มักซื้อขนมให้น้องกินประจำ ซึ่งมักจะเห็นรอยช้ำตามร่างกาย ใบหน้า และศีรษะปูดบวมของน้องสายฟ้าเป็นประจำ ตนเคยสอบถามเจ้าตัว แต่น้องสายฟ้าไม่เคยเผยปากพูด แต่ก่อนเสียชีวิต สภาพค่อนข้างทรุดโทรม เดินขากระเพก ๆ แต่ไม่ร้องไห้ เท่าที่ดูพฤติกรรมของน้องสายฟ้าไม่ใช่เด็กดื้อหรืองอแง จะอ้างเหตุผลลูกดื้อแล้วตีก็ไม่น่าจะใช่เหตุผล หลังทราบข่าวพ่อเลี้ยงรับสารภาพเป็นคนฆ่า ก็รู้สึกตกใจ และสงสารเด็กมากกว่า ส่วนพ่อเลี้ยงจะมีเรื่องของการเสพยาเสพติดหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้
นางสาวปุ๊ก ไฉยฤทธิ์ อายุ 71 ปี ญาติผู้ต้องหา บอกว่า ตนมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของนายปัญญา อาศัยบ้านอยู่ข้างกัน ก็ไม่เคยได้ยินเสียงใครตีเด็ก ดูนายปัญญาก็เป็นคนดี และเป็นคนรักเด็ก เพราะเขาก็มีลูกน้อยอีกคนกับภรรยา ส่วนเรื่องที่นายปัญญาหอบลูกไปนอนในรถนั้น ตนเคยสอบถามแล้ว นายปัญญาให้เหตุผลว่าลูกโดนทำของใส่ ถ้าให้นอนในบ้าน ก็จะให้ลูกมีอาการปากเบี้ยว ตาบวม ซึ่งเป็นข้ออ้างของนายปัญญา แต่ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องคุณไสยในศาสนาอิสลาม
ตนทราบมาว่านายปัญญารับแก้คุณไสย แบบของศาสนาอิสลาม ตนมักจะเห็นว่ามีคนแปลกหน้าเดินทางมาที่บ้าน บอกว่ามาหาหมอ ให้ถอนของออก ตนก็ไม่เคยเห็นตอนนายปัญญาทำพิธี แต่เขาก็เล่ากันต่อมาว่าใช้วิธีการอ่านอัลกุรอานภาวนาจิต แล้วให้ดื่มน้ำในการสวดคาถา หลังนายปัญญารับสารภาพตนรู้สึกตกใจ และไม่คาดคิดว่าเจ้าตัวจะก่อเหตุฆ่าเด็ก สงสารหลาน ส่วนหลังเกิดเหตุแม่ของนายปัญญาเก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ออกมาเจอผู้คน คาดว่ามีความเครียด แต่คงไม่ไปประกันตัว