กรณีเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 65 ตำรวจ สภ.บ้านดุง รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านดงหวาย ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายพุทธา ตระการ อายุ 52 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลายนัด กระสุนเข้าที่บริเวณหน้าอกและข้อมือ อาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.บ้านจันทร์ รีบนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชบ้านดุง
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายศิริชัย แก้วหลักคำ เป็นลูกเขยของผู้บาดเจ็บ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่บ้านญาติ ในพื้นที่บ้านดงหวาย ต.บ้านจันทร์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
วันที่ 5 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ นางสาวสินจัย บุญแซม ภรรยาของผู้ก่อเหตุ ลูกสาวของผู้บาดเจ็บ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. นายศิริชัยพาตัวเองและลูกสาววัย 2 เดือนกลับบ้าน แต่ตัวเองไม่กลับ เนื่องจากตัวเองเพิ่งทะเลาะกันกับสามี แล้วหนีออกจากบ้านสามี กลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา จากนั้นตัวเองได้ทะเลาะกันกับสามีที่หน้าบ้านเรื่องการขอลูกคืน กระทั่งนางสาวแดง แม่ของตัวเอง บอกว่าจะแจ้งตำรวจ สามีจึงบอกว่าแจ้งเลย ไม่กลัวหรอก
จากนั้นสามีก็หยิบเอาปืนออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดว่า "เดี๋ยวจะฆ่ายกครัว จะลองปืนกระบอกใหม่ไหม" แล้วสามีก็กราดยิงตัวเอง และพ่อ แม่ หลาน 3 คน แล้วตัวเองก็วิ่งหลบหนีไปในบ้าน สามีก็ตามไปยิงในบ้าน ตอนนั้นพ่อของตัวเองถือเสียมจากในห้องออกมาจะต่อสู้กับสามี สามีจึงยิงพ่อตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมจำนวนกระสุนปืนที่สามีกราดยิงนั้น จำนวน 16 นัด
เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองไม่ขอให้อภัยสามี ที่ผ่านมาเวลาทะเลาะกัน สามีเขาจะชอบยิงปืนขู่ตัวเอง หนักสุดถึงขั้นยิงปืนเข้าที่ข้างหูตัวเอง แต่ไม่โดน หรือบางครั้งก็ยิงปืนลงพื้นดินต่อหน้า และเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว สามีก็อาละวาดยิงปืนขู่พ่อแม่ตัวเองอีกด้วย
ด้านนางสาวแดง คงเจริญ ภรรยาของผู้บาดเจ็บ แม่ยายของผู้ก่อเหตุ พาทีมข่าวไปดูจุดเกิดเหตุ ด้านในบ้านพบรอยกระสุนปืนที่ผนังบ้าน ประตูบ้าน เป็นรอยแตก ได้รับความเสียหาย ส่วนจุดที่นายพุทธาถูกยิงนั้น เป็นบริเวณในห้องนอน พบคราบเลือดของผู้บาดเจ็บอยู่ตามพื้น
นางสาวแดง บอกว่า ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ นายศิริชัยมาที่บ้านตัวเอง แล้วมีการทะเลาะกันกับลูกสาวตัวเองที่ลานดินหน้าบ้าน เพื่อขอลูกสาววัย 2 เดือนคืน แต่พอยิ่งคุยกัน ก็ยิ่งทะเลาะกันหนักขึ้น ตัวเองจึงบอกให้ลูกสาวเข้าบ้าน แล้วบอกให้ลูกเขยกลับบ้าน แต่ลูกเขยก็ไม่ยอมกลับ ตัวเองจึงบอกกับลูกเขยว่าจะแจ้งตำรวจ แต่ลูกเขยตัวเองก็ไม่ยอม พร้อมกับชักปืนขึ้นมาแล้วพูดว่า "ถ้าไม่ให้ภรรยาและลูกสาว ก็จะยิงตายทั้งครอบครัว" จากนั้นนายศิริชัยก็ถือปืนบุกเข้ามายิงตัวเอง และสามี จนตัวเองกับสามีและลูกสาวพากันวิ่งหนีเข้าบ้าน จากนั้นนายศิริชัยจ่อยิงสามีตัวเองที่ประตูหน้าบ้าน จนสามีตัวเองได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นตัวเองจึงทำท่าว่าถูกยิง พร้อมกับพูดว่า "มึงยิงแม่ทำไม มึงหนีไปไหนไม่รอดหรอก" ทำให้นายศิริชัยรีบวิ่งไปขับรถมอเตอร์ไซค์หลบหนีไป
จากนั้น ตัวเองจึงเข้าไปดูอาการสามีที่ถูกยิง โดยตอนนั้นสามีเขาก็คิดว่าเขาจะตาย เขาได้สั่งเสียตัวเองว่า "พ่อไม่รอดแล้วแม่ แต่พ่อภูมิใจนะ ที่ได้ทำบ้านให้ครอบครัวอยู่อาศัยก่อนตาย" จากนั้นตัวเองจึงบอกให้สามีสวดมนต์ จนสามีท่องว่า "พุทธโธ พุทธโธ" แล้วสามีก็หมดสติไป กระทั่งตอนนี้ สามีอาการปลอดภัย ตัวเองก็รู้สึกสบายใจ
สำหรับนายศิริชัย ที่ผ่านมาเขาเคยขู่จะยิงตัวเองและสามีมาแล้ว 3 ครั้ง แล้วลูกเขยก็เคยขู่ตัวเองว่า "อย่างตัวเองไม่ต้องใช้ปืนยิงหรอก ใช้แค่หนังสติ๊กยิงเบ้าตาก็ตายแล้ว ถ้าตายมาเดี๋ยวจะบวชหน้าไฟให้เอง" เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองอยากให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษสูงสุด และตัวเองก็ไม่ขอให้อภัยคนก่อเหตุ ที่เขามาก่อเหตุเมื่อคืนนี้คิดว่าเขาคงไม่พอใจที่ตัวเองพาหลานสาวและลูกสาวกลับบ้าน กีดกันไม่ให้เจอกับเขา อีกทั้งหลังก่อเหตุยังมีการไลฟ์พูดแก้ข่าวว่าไม่ได้ยิงอีก
ทีมข่าวได้รับคลิปวงจรปิด นายศิริชัยยิงปืนขู่ภรรยาก่อนเกิดเหตุ จากชาวบ้านหลังหนึ่ง ที่อยู่ใกล้บ้านนายศิริชัย คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 18.00 น. ไม่เห็นภาพตอนที่นายศิรอชัยยิงขู่ภรรยา แต่จะได้ยินเสียงภรรยาของนายศิริชัยร้องกรี้ด จากนั้นก็มีเสียงปืนดังนิดต่อกัน 2 ช่วง รวมประมาณ 18 นัด
โดยชาวบ้านที่ให้คลิปกับทีมข่าวนั้นให้เป็นข้อมูลกับทีมข่าวว่า นายศิริชัยจะชอบมีปากเสียงกับภรรยาเป็นประจำ เมื่อทะเลาะกันหนัก ๆ นายศิริชัย ก็จะชอบยิงปืนขู่ภรรยา ยิงขึ้นฟ้า หรือไม่ก็ยิงลงดินติดต่อกันจำนวนหลายนัด