แฉประวัติยามหื่นขืนใจเด็ก 10 ขวบพิการ แม่เผยย่องกลับบ้าน อ้างปล้ำสาวเหตุถูกยั่ว (คลิป)

 "รปภ.หื่น ขืนใจสาวในคอนโด" กรณีนายมนตรี ใหญ่กระโทก อายุ 39 ปี หัวหน้า รปภ.ก่อเหตุข่มขืน น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ลูกบ้านที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียมย่านบางแค เมื่อกลางดึก 4 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านหมู่ 15 ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นบ้านตามทะเบียนบ้านของนายมนตรี ผู้ก่อเหตุ นางสุวรรณ เหลานาคำ อายุ 65 ปี แม่ของนายมนตรี ผู้ก่อเหต เปิดเผยว่า เมื่อวาน 4 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 09.00 น. ลูกชายโทรศัพท์มาหาในขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ บอกว่าจะกลับมาบ้าน ตนรู้สึกผิดสังเกต จึงถามไปว่าจะกลับมาทำไม ไปทำอะไรมาหรือเปล่า เพราะปกติลูกชายจะไม่ค่อยกลับมาที่บ้าน ตนก็ถามเค้นจนลูกชายตอบว่าข่มขืนผู้หญิง ที่ทำไปเพราะเมา และผู้หญิงคนนั้นนุ่งน้อยห่มน้อย จึงคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวและได้ก่อเหตุ คุยกับได้ประมาณ 5 นาที ลูกชายก็วางสายไป

ทีมข่าวได้ภาพหน้าจอโทรศัพท์ของแม่ เมื่อตรวจเช็กดูแล้ว สายที่แม่ได้คุยกับนายมนตรีเมื่อวานไม่มี มีเพียงสายที่แม่โทรศัพท์หานายมนตรีวันนี้ 3 ครั้ง ครั้งแรกเวลา 13.90 น. ครั้งที่ 2 เวลา 14.04 น. ครั้งที่ 3 เวลา 14.09 น. แต่ไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. ลูกชายกลับมาที่บ้าน ตนได้ถามลูกว่าข่มขืมเขาจริงไหม ลูกชายยอมรับว่าทำจริง ตนจึงบอกว่าทำไปก็ต้องติดคุก ให้ยอมมอบตัว จากนั้นได้นั่งกินข้าวกันจนถึงเวลา 19.00 น. ลูกชายไม่พูดอะไร และได้ใช้รถจักรยานยนต์ของตนขี่ออกไป หลังจากนั้นตนไม่สามารถติดต่อลูกชายได้อีก

ซึ่งลูกชายเคยก่อเหตุข่มขืมมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2556 ข่มขืนญาติ แต่ไม่สำเร็จความใคร่ ลูกชายบอกกับตนว่าที่ทำไปนั้นเ พราะติดยาเสพติด ดูดม้า 10 เม็ด ทำให้เกิดอาการหลอน เจ้าหน้าที่หน้าตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น ดำเนินคดีส่งฟ้องศาล ศาลตัดสินให้ลูกชายจำคุก 3 ปี 5 เดือน ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ตามกฎหมายไทย ส่วนตนจึงได้ให้เงินทำขวัญจำนวน 20,000 บาท กับผู้เสียหาย

หลังจากนั้น ลูกชายพ้นโทษออกจากเรือนจำมาในปี 2560 และได้ทำงานเป็นหัวหน้า รปภ. ปกติแล้วลูกชายเป็นคนนิสัยดี หากอยู่บ้านจะไม่ค่อยดื่มเหล้า ทำงานส่งเงินมาให้ตนประจำทุกเดือน ตนไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุแบบนี้อีก ทั้งนี้ หากลูกชายได้ยินแม่อยากบอกให้ลูกมามอบตัว ไม่ต้องหนี โทษหนักจะได้เบา รับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และตนจะไม่ประกันตัวให้ลูกชายชดใช้เวรกรรมที่ทำไป สุดท้ายตนขอโทษผู้เสียหาย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น และขอให้ลูกชายได้รับโทษตามกฎหมาย

ระหว่างที่ทีมข่าวพูดคุยกับนางสุวรรณแม่ของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวมาที่บ้านของนายมนตรี ล่าสุด พบรถจักรยานยนต์ของนางสุวรรณ ที่นายมนตรีขี่ออกไปจอดอยู่บริเวณสวนลำไย แต่ยังไม่พบเจ้าตัว

ทีมข่าวตรวจสอบสื่อโซเชียลของผู้ก่อเหตุ พบว่าเจ้าตัวมีการเปิดบัญชีเฟซบุ๊กไว้ประมาณ 2 บัญชี บัญชีแรกรูปโพรไฟล์ใส่เสื้อสีส้ม ใช้งานล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2561 ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แต่มีชาวเน็ตแชร์รูปโปรไฟล์ของนายมนตรีไปเขียนด่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ส่วนอีกบัญชี เป็นโพรไฟล์รูปตัวเองอยู่ในงานทอดกฐิน พร้อมเขียนข้อความว่า "โสดทักมาครับ" เคลื่อนไหวล่าสุดคือเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ด้วยการเช็กอินที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ภายใต้โพสต์นี้ มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมด่าทอ

นางแสง ใหญ่กระโทก อายุ 58 ปี อาสะใภ้นายมนตรี ผู้ก่อเหตุ บอกว่า นายมนตรีเป็นหลานแท้ ๆ ของตน ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน แต่ส่งเงินมาให้แม่อยู่บ่อย ๆ เท่าที่ตนรู้ เขาจะเป็นคนนิสัยร่าเริง นิสัยดีคนหนึ่ง ตนยอมรับว่าตัวเองเพิ่งจะเห็นข่าวเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจ เสียใจมาก คิดไม่ถึงว่าหลานจะก่อเหตุแบบนี้ซ้ำซาก ทั้งที่เพิ่งจะพ้นโทษมาไม่กี่ปี หลังจากที่ตนทราบข่าวตอนนี้ อยากบอกให้หลานเข้ามอบตัวแต่โดยดี เพราะต่อให้หนี สุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องโดนจับและต้องเพิ่มโทษอยู่ดี แถมยังทำให้แม่เขาเองเครียดจนนอนไม่หลับอีก

โดยเมื่อปี 2556 นายมนตรีได้ข่มขืนหลานสาว อายุ 10 ขวบ ซึ่งอยู่กับแม่ที่พิการทางสมอง ตอนเกิดเหตุหลานสาวมาเคาะประตูบ้านบอกตนว่าถูกนายมนตรีข่มขืน ตนจึงไปบอกแม่ของนายมนตรีว่าจะแจ้งความเอาผิด ซึ่งแม่ของนายมนตรีก็ยินยอม เนื่องจากลูกชายทำผิดจริง ๆ และได้ให้เงินทำขวัญผู้เสียหายมา 20,000 บาท ส่วนนายมนตรีถูกศาลสั่งตัดสินจำคุก ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 3 ปี 5 เดือน ส่วนตัวของหลานสาวปัจจุบันอายุ 18 ปี ได้ย้ายไปอยู่ที่ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นหลานตนก็จริง แต่ก็อยากจะเตือนเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงหลายคนให้ระมัดระวังตัวเองมาก ๆ ดูแลตัวเองดี ๆ เพราะเรื่องแบบนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผู้หญิงเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจ

ด้าน "บุ๋ม ปนัดดา" โพสต์ภาพใบหน้าตามล่า รปภ.หื่น พร้อมระบุข้อความว่า “หวังว่าใครที่ทำเรื่องสิทธิมนุษยชนจะไม่มาว่าเปิดหน้าผู้ร้ายทำไม? แต่มันถึงเวลาแล้วไหมที่เราต้องรู้ว่าใครที่เราไม่ควรอยู่ด้วยในสังคม? ใครที่เราต้องระวังตัวและระวังลูกหลานของเราโดยเฉพาะคนที่มีคดีซ้ำแล้วซ้ำเล่าถ้ากฎหมายมันไม่ปกป้องเราเราก็ต้องปกป้องตัวเอง! ตามล่ารปภ. ตื่น! Cr. Pic @ ejan2016”

"บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ผู้ก่อตั้งองค์กรทำดี เปิดเผยว่า จากที่ตนเองโพสต์ใบหน้าของผู้ร้ายตนมีคำอธิบาย โดยปกติเราจะเห็นว่าจะไม่เปิดเผยใบหน้าของผู้ร้าย ตามหลักสิทธิมนุษยชน แค่ในกรณีนี้เขาคือผู้หลบหนี ตนจึงคิดว่า รปภ.คนนี้ ไม่ได้กระทำความผิดเป็นครั้งแรก เขาเคยกระทำความผิดข่มขืนมาแล้ว และเพิ่งจะพ้นโทษออกมาไม่กี่ปี แล้วทำไมถึงยังมาข่มขืนซ้ำ บุคคลนี้คือคนอันตราย ฉะนั้นเราต้องรู้ใบหน้าของเขา เมื่อเจอหน้าของผู้หลบหนีคนนี้จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงแม้ว่าในอนาคตจะจับคนคนนี้ไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ต้องป้องกันตัวเอง และป้องกันลูกหลานของเรา  ตนจึงโพสต์ภาพ รปภ.คนนี้ ให้จับตัวได้โดยเร็ว

โดยในปี 2557 ตนได้ยื่นหนังสือเพิ่มโทษปรับ-จำคุก จาก 8,000 บาท เพิ่มเป็น 80,000-400,000 บาท โทษจำคุก 4-20 ปี แต่ในปี 2557 นั้นไม่ได้มีการเพิ่มโทษจำคุกให้ ตนจึงได้ยื่นหนังสือรายชื่อไปอีกครั้งในปี 2558 เพื่อยกเลิกการอภัยโทษนักโทษ 5 ประเภท คือ 1. ข่มขืนแล้วฆ่า, 2. ข่มขืนโดยอาวุธร้ายแรง, 3. ข่มขืนคนในสันดาน, 4. ข่มขืนเยาวชน, 5. ข่มขืนซ้ำ แต่กฎหมายปี 2558 ไม่สามารถบังคับใช้กับ รปภ.คนนี้ได้ เนื่องจากกฎหมายตัวนี้ออกมาหลังจากที่ผู้ชายคนนี้ติดคุกไปแล้ว กลายเป็นว่าไม่มีผลบังคับใช้

จากที่ตนได้โพสต์ประกาศตามล่า รปภ.ไป ก็ยังไม่มีใครติดต่อมา ตอนนี้คงจะหลบหนีอยู่ แต่ตนก็เชื่อว่าตำรวจไทยสามารถจับตัวได้เพราะตำรวจไทยเก่ง ไม่น่าจะเกิน 1-2 วัน เรื่องนี้ตนก็มองว่าน้องผู้หญิงไม่ได้ประมาท เพราะผู้กระทำผิดอาจจะมีการพูดคุยอะไรก่อนหน้า ทำให้น้องผู้หญิงตายใจ เรื่องลักษณะนี้จะให้เราทุกคนระวังตัวอย่างเดียวก็คงไม่พอ ดังนั้นเราต้องกำจัดคนพวกนี้ออกจากสังคม สามารถพูดได้ว่าหากเหตุการณ์แบบนี้ไม่โดนกับลูกหลานของเราเราก็คงไม่เข้าใจ ฉะนั้นควรจะจับคนแบบนี้มาลงโทษให้โดยเร็วที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- ตร.จัดทีมล่า หัวหน้า รปภ. คอนโดดัง ย่านบางแค บุกห้องลูกบ้านสาว ล่วงละเมิด
- นิติคอนโด แจงฉาว รปภ.บุกข่มขืนลูกบ้าน ปัดช่วยเหลือคนร้าย ยืนยันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก