พลิกประวัติยามหื่น สุดโฉดขืนใจเด็กต่อหน้าแม่พิการ เพื่อนงงคิดว่าเป็นตุ๊ด (คลิป)

"รปภ.หื่น ขืนใจสาวในคอนโด" กรณีนายมนตรี ใหญ่กระโทก อายุ 39 ปี หัวหน้า รปภ. ก่อเหตุข่มขืน น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ลูกบ้านที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียมย่านบางแค เมื่อกลางดึกรอยต่อระหว่างคืนวันที่ 3 ม.ค. ถึงวันที่ 4 ม.ค. 65 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ติดตามไล่ล่าจนสามารถจับกุมตัวได้แล้ว

วันที่  7 ม.ค. 65 นายโน้ (นามสมมติ) อดีตเพื่อนร่วมคุกของนายมนตรี เปิดเผยว่า ในสมัยที่ตนเองเจอกับนายมนตรีช่วงที่อยู่ในเรือนจำสระแก้วด้วยกัน ครั้งแรกที่นายมนตรีเข้ามา ถูกกลุ่มผู้ต้องขังผู้ชายไม่พอใจ เพราะโดยธรรมเนียมของคนข้างในนั้น ไม่ชอบผู้ที่ไปก่อคดีข่มขืนเด็ก หรือผู้หญิง จึงถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนพื้น และถูกกลุ่มพ่อบ้าน ตัวแทนของบ้านต่าง ๆ ในนั้นทยอยพากันเตะ การที่นั่งคุกเข่าเฉย ๆ  แล้วให้คนอื่นเตะนั้น ถือว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรีมากสำหรับลูกผู้ชาย นายมนตรีถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าและถูกเตะแบบนี้เช้า-เย็น ต่อเนื่องมานานกว่า 2 เดือน ให้เป็นเบ๊กับกลุ่มที่อยู่ข้างในเรือนจำ ล้างจาน เก็บที่นอน ทำความสะอาด ซักผ้าแทนคนอื่น เป็นบทเรียนที่ค่อนข้างหนัก

ก่อนที่นายมนตรีจะพ้นโทษ ตนเองจับเข่าคุยกัน นายมนตรียอมพูดเปิดใจและให้เป็นคำมั่นสัญญาว่า "กลับออกไปจะทำตัวเป็นคนดี จะไม่ทำผิดซ้ำ จะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก ชีวิตข้างในมันลำบาก จะออกไปดูแลแม่ ทำงานสุจริต และที่สำคัญจะมีครอบครัวแล้วแต่งงานอย่างอบอุ่น" คำพูดดังกล่าวตนเองก็ยังจำขึ้นใจ ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำ คำสัญญาดังกล่าวที่เคยพูดเอาไว้หายไปไหน ทำไมไม่จำ ทำไมถึงอยากจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ข้างในนั้นอีก เพราะการกลับเข้าไปครั้งที่ 2 เป็นการเปลี่ยนเรือนจำไปอยู่ที่อื่น ไม่ใช่ที่สระแก้ว เชื่อว่าคงจะโดนหนัก และโดนกดขี่ไม่ต่างจากที่เดิม

ทั้งนี้ ในช่วงที่นายมนตรีติดอยู่ในเรือนจำ มีการเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีการข่มขืนหลานสาว 10 ขวบ นายมนตรีอ้างว่าดื่มเบียร์ประมาณ 1-2 ขวด เป็นช่วงเวลา 21.00-22.00 น. ติดไฟส่องกบที่หัวกำลังจะเข้าสวนหลังบ้าน เดินผ่านบ้านของหลานสาวที่อยู่ใกล้กัน สังเกตว่าหลานสาวกำลังกระโจมอกอาบน้ำกลางแจ้ง ด้วยอาการเมาจึงเกิดอารมณ์ปลุกปล้ำหลานสาว ทั้งที่ตัวของแม่ที่ป่วยพิการก็ยังนอนอยู่ในบ้าน และใช้ยางรถยนต์ในการมัดด้วย

ทั้งนี้ ตนเองสังเกตเห็นเฟซบุ๊กของนายมนตรีลงภาพเกี่ยวกับหญิงสาว บางครั้งมีการวิดีโอคอลคุยกัน บางครั้งมีการชักชวนไปนั่งกินข้าวที่หอพัก ตนเองก็เคยถามนายมนตรีว่าผู้หญิงเหล่านั้นเป็นใคร เจ้าตัวก็อ้างว่าเป็นคนที่กำลังคุยกัน ไม่ถึงกับคบหา เนื่องจากไม่สามารถดูแลหรือไปสู่ขอใครได้ แต่ถ้าดูจากพฤติกรรมแล้วเจ้าตัวก็ดูปกติ ไม่ได้มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการบ้ากาม

นอกจากนี้ นายโน้ เปิดเผยแชตที่มีการส่งไปหานายมนตรีเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการต่อว่าทำนองว่า "มึงทำหรอไอยักษ์ มึงไม่น่าคิดสั้นเลย ไม่เข็ดคุกหรือไง มันลำบากมึงก็รู้ กะหรี่หาที่ไหนก็ได้, มึงรู้มั้ยตอนนี้เค้าเดือดร้อนไปหมดเพราะมึง ตำรวจมาเอาตัวเพื่อนมึงไปแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็ต้องมาหากู ถ้ามึงทำมึงออกไปมอบตัวซะ, แต่ถ้ามึงไม่ได้ทำมึงต้องมอบตัวเหมือนกันแล้วค่อยไปสู้คดีเอา มึงมาหากูมึงมาบอกกูสักคำได้ไหมว่ามันเกิดอะไร มึงไปไหนไม่รอดหรอกชีวิตนี้หมายจับ, ไอยักษ์มึงอยู่ไหน มอบตัวชะ ให้กูไปรับมึงก็ได้"

นายทุ่ง (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของนายมนตรี เพื่อนที่อยู่ในวงเหล้าในคืนหลังก่อเหตุ เปิดใจว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มของตนเองจะนานทีเจอกัน เพราะต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงาน แต่นายมนตรีนัดเพื่อนที่จะสังสรรค์หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ นัดหมายเจอกันในหมู่บ้านวันที่ 4 ม.ค.

แต่พอใกล้ถึงวันนัดหมาย วันที่ 2 ม.ค. ช่วงเวลาประมาณ 17.17 น. นายมนตรีได้โทรมาเฟซบุ๊กบอกกับกลุ่มเพื่อนว่าขอยกเลิก เนื่องจากมีงานจำเป็นต้องทำเร่งด่วน มีการให้ค่าแรงเพิ่มในช่วงวันจึงจำเป็นต้องควงกะ กลุ่มเพื่อนจึงได้มีการส่งไปหาเจ้าตัว ในวันที่ 3 ม.ค. เวลา 09.39 น. ว่า "มึงหลอกหลวงพวกกูอีกแล้ว" แต่กลุ่มของตนเองก็ยังนั่งดื่มสังสรรค์กันต่อตามเดิม จนกระทั่งวันที่ 4 ม.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. นายมนตรีก็โผล่มาที่สวนหลังบ้าน พร้อมกับถือขวดเบียร์มาด้วย 2 ขวด ทุกคนก็ตกใจงงว่าเกิดอะไรขึ้น นายมนตรีบอกเพื่อนว่า "ออกจากงานแล้ว จะกลับมาอยู่บ้าน เพราะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน" ทุกคนก็พากันนั่งดื่มคุยกันต่อ แต่ก็ผิดสังเกตที่คนออกจากงาน ทำไมไม่ขนข้าวของกลับมาบ้าน มาเพียงแค่กระเป๋า 1 ใบ แต่นายมนตรีอ้างว่ายกของ โดยเฉพาะหม้อ และของใช้อื่น ๆ ให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นไปแล้ว นการพูดคุยนายมนตรีไม่ได้มีพิรุธว่าไปก่อเหตุมา นั่งดื่มสังสรรค์ตามปกติ และไม่ได้มีใครอยู่ในอาการมึนเมา เพราะดื่มเบียร์เพียงแค่ 2 ขวด

คืนวันดังกล่าวยอมรับว่ามีการยิงอาวุธคล้ายปืนขึ้นฟ้าจริง อาวุธดังกล่าวเป็นคล้ายปืนดัดแปลงอัดแก๊ส เป็นปืนแก๊ป ไม่ได้มีกระสุน แต่จะทำให้เกิดเสียงดังเวลาที่สัตว์ป่าเข้ามาใกล้กับพื้นที่การเกษตร คืนนั้นกลุ่มของตนเองนั่งอยู่ด้วยกัน 4 คน จากนั้นพบว่ามีโขลงช้าง เข้ามาใกล้ จึงกลัวว่าจะเกิดอันตราย ตนจึงได้มีการยิงปืนดัดแปลงไล่ช้าง ส่วนสาเหตุที่ตำรวจคาดการณ์ว่านายมนตรีมีอาวุธปืนติดตัว เป็นเพราะมีชาวบ้านไปให้ข้อมูลว่าคืนวันดังกล่าวมีการยิงปืนขึ้นฟ้า จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ซึ่งหากย้อนกลับไป ตนเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่านายมนตรีจะมีการก่อเหตุซ้ำอีก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยต้องโทษในคดีพยามข่มขืนหลาน แต่อุปนิสัยของนายมนตรีนั้นเป็นคนนิ่งเงียบ ลักษณะนุ่มนิ่ม ไม่ได้มีนิสัยบ้ากาม ในมุมที่กลุ่มเพื่อนผู้ชายมอง กลับบอกว่านายมนตรีเหมือนตุ๊ด เหมือนผู้ชายรักผู้ชายด้วยกันด้วยซ้ำ การก่อเหตุครั้งนี้ทุกคนก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่ามีแรงจูงใจเกิดจากอะไร

ทั้งนี้ ตนเองรู้จักกับนายมนตรี เป็นคนรักแม่รักครอบครัว แม้ว่าจะไม่มีภรรยาหรือแฟนเป็นตัวเป็นตน การทำงานแต่ละครั้งโดยเฉพาะพนักงานรักษาความปลอดภัย เจ้าตัวจะได้รับเงินประมาณ 16,000-18,000 บาท ก็โอนให้กับแม่ทุกเดือนไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท มากสุดต่อเดือนที่ตนเองเคย 14,000 บาท ยอมรับว่านายมนตรีเป็นคนที่กตัญญูและรักแม่มาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- แฉประวัติยามหื่นขืนใจเด็ก 10 ขวบพิการ แม่เผยย่องกลับบ้าน อ้างปล้ำสาวเหตุถูกยั่ว (คลิป)
- ล่าหัวรปภ.เคาะห้องบุกขืนใจเหยื่อ วงจรปิดชัดปีนกำแพงหนี เพื่อนปัดเอี่ยวรับส่งแชตสารภาพ (คลิป)
- ต้นสังกัดยามหื่นส่อซวย รับคนมีคดีก่อเหตุซ้ำ เจ้าของงัดใบการันตีตำรวจยันคิดว่ากลับตัว (คลิป)