ตกงานทั้งทีมสหาย รปภ.หื่นเพื่อนสุดแค้นฉะนรก "มนตรี" คอตกเข้าคุกไร้ประกัน (คลิป)

กรณีนายมนตรี ใหญ่กระโทก หรือ ยักษ์ หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ย่านเพชรเกษม กรุงเทพมหานคร บุกเข้าไปก่อเหตุช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ม.ค.65 ก่อนจะขืนใจนางสาวน้อย (นามสมมติ) และหลบหนีแต่ถูกตามจับกุมได้ในเวลาต่อมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค.65 ที่สน.เพชรเกษม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายมนตรี ผู้ต้องหาในคดีข่มขืนนางสาวน้อย ออกจากห้องขังภายในโรงพัก ซึ่งนายมนตรีสวมใส่เสื้อสีส้ม กางเกงสามส่วนสีครีม และหมวกปากเป็ดสีดำใบเดิม เดินออกจากห้องขังไปขึ้นรถคุมขังที่จอดอยู่ข้าง ๆ โรงพัก โดยรถที่ใช้คุมขังในวันนี้เป็นลักษณะรถลูกกรงเปิดโล่ง เนื่องจากป้องกันเกี่ยวกับโควิด-19 จึงไม่ใช้รถตู้ทึบเหมือนเช่นการคุมขังผู้ต้องหารายอื่น

โดยหลังจากที่มีการเบิกตัวขึ้นรถแล้ว ได้ส่งตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดธนบุรี ซึ่งนายมนตรี มีสีหน้าเรียบเฉย และไม่มีญาติรวมถึงคนสนิทมาส่งตัวฝากขังในวันนี้ ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งศาลนายมนตรี เปิดใจครั้งสุดท้ายว่า ตนรู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอโทษแม่ ขอโทษนิติบุคคล ขอโทษลูกบ้าน และขอโทษบริษัทรักษาความปลอดภัย ต่อการกระทำที่ผิดของตน จึงทำให้ทุก ๆ ส่วนได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวตนไม่มีอาวุธปืนและไม่ได้ใช้ปืนยืงขู่ใคร มีเพียงกลุ่มเพื่อนที่ยิงปืนระบบแก๊สไล่สัตว์ป่า ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนยิง อีกทั้งในประเด็นเกี่ยวกับการใช้กุญแจมือพันธนาการผู้เสียหาย ตนขอยืนยันว่าไม่มีการใช้กุญแจมือล็อกระหว่างก่อเหตุอย่างแน่นอน

เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ในวันดังกล่าวได้ข่มขืนผู้เสียหายหรือไม่ นายมนตรี ได้หยุดคิดอยู่พักหนึ่ง และขอให้ผู้สื่อข่าวทวนคำถามอีกครั้ง กระทั่งนายมนตรี พยักหน้าตอบว่า “กระทำจริงครับ” และตนขอยืนยันว่าไม่ได้วางแผนล่วงหน้า แต่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบทั้งหมด ประกอบกับอาการมึนเมาจากฤทธิ์สุรา ส่วนผู้หญิงผู้เสียหายนั้นอยู่ในอาการเมาหรือไม่ ตนไม่ขอตอบ ตนจะขอให้การในชั้นศาลต่อไป

ทีมข่าวยังได้เดินทางย้อนกลับไปที่คอนโดฯ ที่เกิดเหตุ พบว่ายังคงมีชุดรักษาความปลอดภัยของบริษัทเดิมทำงานอยู่ แต่ได้ปรับเปลี่ยนชุดปฎิบัติงานเป็นชุดใหม่แล้ว ส่วนชุดเก่ามีบางส่วนถูกพักงานชั่วคราวแบบไม่มีกำหนด ขณะที่นิติบุคคลของบริษัทเดิมยังคงทำงานตามปกติ ซึ่งต้องทำงานภายใต้แรงกดดันของลูกบ้าน แต่การจัดหานิติบุคคลใหม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก รวมทั้งจะต้องใช้เวลาในการจัดหา จึงยังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนในทันที

ทีมข่าวยังได้รับโทรศัพท์ สอบถามจากนายเกียงคำ พนักงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์คืนวันเกิดเหตุ และถูกครอบครัวของผู้เสียหายตบหน้าสั่งสอน เพราะเข้าใจผิดว่าขัดขวางไม่ให้ขึ้นคอนโดฯ ซึ่งขณะนี้นายเกียงคำ กลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้ว เพราะถูกพักงานชั่วคราว และเป็นการพักงานโดยไม่มีกำหนด

นายเกียงคำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนตัดสินใจเดินทางกลับบ้านนอก เนื่องหากอยู่ต่อที่กรุงเทพฯ ก็จะมีภาระค่าเช่า และค่ากินอยู่ ส่วนการกระทำของนายมนตรี ทำให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานอย่างสุจริต ต้องตกระกำลำบาก ตนต้องถูกพักงานโดยไม่มีกำหนด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แม้แต่เพื่อนร่วมงานปัจจุบันที่เข้าไปทำงานแทน แต่เป็นการสวมใส่เครื่องแบบของบริษัท ก็ถูกชาวบ้านตีตราไปแล้ว จากเดิมชาวบ้านหรือพ่อค้าแม่ค้าที่เคยทักทายกัน ขณะนี้กลับถูกประณามและชี้หน้า ไม่มีใครเชื่อใจพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกแล้ว เพราะนายมนตรีทำลายภาพลักษณ์เพื่อนร่วมอาชีพหมดแล้ว

"การกลับไปบ้านครั้งนี้ ผมเตรียมที่จะบวชเพื่อทำให้จิตใจให้เกิดความสงบ และเป็นการหนีความวุ่นวาย ถ้าผมทราบพิกัดวัด หรือสถานที่บวชแล้ว จะแจ้งให้ทีมข่าวทราบโดยทันที ผมต้องการอยากจะให้สังคมได้รู้ว่าพฤติกรรมของนายมนตรี เพียงคนเดียว กระทบเพื่อนร่วมงาน กระทบแม้แต่คนที่รักในอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย และทำดีมาโดยตลอด" นายเกียงคำ กล่าวให้ฟัง 

ส่วนกรณีที่นายมนตรีถูกนำตัวฝากขัง แล้วมีการฝากขอโทษเพื่อนร่วมงาน ตนขอยืนยันว่าไม่รับคำขอโทษดังกล่าว ไม่อโหสิกรรม เพราะการกระทำของนายมนตรี เกินกว่ามนุษย์ มากกว่าคำว่า "เดนนรก" ถ้าพูดถึงไส้เดือนที่อยู่ในดินยังมีประโยชน์สามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคได้ แต่สำหรับนายมนตรี แทบจะไร้ค่าและไม่มีประโยชน์ เทียบกับสัตว์ตัวไหนไม่ได้ ฉะนั้น ตนจึงอยากให้เขาได้รับโทษให้สูงที่สุด และที่สำคัญขอให้การเข้าไปในเรือนจำครั้งนี้ ถูกพรรคพวกและคนในเรือนจำสั่งสอน ขอให้ได้รับเวรกรรมอยู่ภายในเรือนจำ