จากกรณีผู้ใช้เฟชบุ๊ก "สุทธิพงศ์ กนกากร" ได้โพสต์คลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ชายสวมหมวกกันน็อกของรถจักรยานสีขาว ถูกชายฉกรรจ์ 4-5 คน วิ่งตามไล่จับ คล้ายกับว่ากำลังถูกทำร้ายร่างกาย โดยระบุว่า "นี่เกิดขึ้นกลางเมือง ที่หน้าตึกมหานคร ถนนนราธิวาส ตรง BTS ช่องนนทรี วันที่ 30 ธันวาคม ตำรวจ สน.ยานนาวา กำลังสอบสวนอยู่ครับ ตัวผมคือคนใส่หมวกจักรยาน โดนไปแบบนี้ก็เจ็บบริเวณใบหน้า ศีรษะ ต้นแขน ต้นขา เรื่องมันเริ่มมาจากจอดรถซ้อนคันในที่ห้ามจอด มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้องก็จริง แต่ถ้าเห็นเป็นกลุ่มรถฟอร์จูนเนอร์และรถตุ๊กๆตรงนี้ อย่าไปยุ่งด้วย เขาถือว่าเป็นที่ของเขา ฝากสน.ยานนาวา ไปไล่แก๊งค์นี้ออกหน่อยนะครับ หลังเกิดเหตุ ก็ยังอยู่ตรงนี้เป็นปกติ"
ล่าสุด วันที่ 9 ม.ค. 65 นายสุทธิพงศ์ กนกากร อายุ 50 ปี นักปั่นจักรยาน ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์ว่า ช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2564 เวลา 19.40 น. ตนขี่จักรยานผ่านมายังหน้าตึกมหานคร พบเจอกับกลุ่มรถแกร็บคาร์ที่จอดอยู่หน้าตึกมหานคร มีรถฟอร์จูนเนอร์ที่จอดอยู่ในเลนที่ 2 เป็นการจอดรอรับลูกค้า ขณะที่ตนขับจักรยานมา มีรถจากขวามือเบียด ตนจึงเฉี่ยวรถแกร็บคาร์ ใช้มือซ้ายจับที่กระจกรถแกร็บคาร์ไว้เพื่อป้องกันรถจะล้ม จากนั้นจึงขับรถจักรยานไปต่อ แต่รถแกร็บคาร์ดันขับตามมาอย่างเร็ว ตนจึงหยุดจอด ปรากฏว่าคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ลงมาทำร้ายร่างกายตนด้วยการชกต่อย พร้อมกับพวกอีก 4 คน ทราบชื่อภายหลังคนที่ขับรถฟอร์จูนเนอร์คือนายวิทยา ภัควันต์ ในคลิปสวมเสื้อสีเทามีกระเป๋าคาดอก
จากนั้น ก็มีนายเต้ย คนที่สวมเสื้อสีน้ำตาล เข้ามารุมชกตน โดยจำได้ว่าในเต้ยทำร้ายร่างกายตนมากที่สุด ส่วนอีก 3 คน ตนไม่รู้จักชื่อ แต่หากดูจากในคลิปทั้ง 5 คนร่วมกันทำร้ายตน
ตั้งแต่จุดที่จอดรถจักรยาน ตนวิ่งมาขึ้นบันได BTS ระยะทางประมาณ 40 เมตร สังเกตเห็นคนที่ทำร้ายตนเป็นคนที่ 5 เป็นชายเสื้อขาวลายยืนอยู่ตีนสะพานขึ้น BTS ตอนที่ตนกำลังวิ่งหนีขึ้นไปบน BTS ชายเสื้อขาวยืนอยู่ตรงนั้น ได้ใช้มือชกตนขณะที่ตนวิ่งหลบหนี ภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้อย่างชัดเจน
วันที่เกิดเหตุได้ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทั้ง 5 คนก็ไปด้วยกันที่โรงพัก แต่มีคนรับสารภาพเพียงคนเดียว ก็คือนายวิทยา นอกนั้นไม่มีใครรับสารภาพ
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และไม่เคยขับขี่รถจักรยานผ่านเส้นทางนี้ เพิ่งมามีปัญหาคือในวันเกิดเหตุ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ตอนที่ตนถูกรุมทำร้ายตนก็ได้พูดว่าตรงนี้เป็นเส้นทางสาธารณะ เป็นพื้นที่ห้ามจอดกลับยิ่งทำให้กลุ่มแกร็บคาร์โมโหและทำร้ายร่างกายตน
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ BTS ช่องนนทรี หน้าตึกมหานคร พบกับกลุ่มคนขับรถตุ๊ก ๆ และคนขับรถแกร็บคาร์ นายสน (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ บอว่า ในวันเกิดเหตุคนที่ขี่รถจักรยานมา ใช้มือทุบรถแกร็บคาร์ที่เป็นฟอร์จูนเนอะร์จอดอยู่ทางเลน 2 คนขับรถแกร็บคาร์ที่รอรับลูกค้าอยู่จึงขับรถตามรถจักรยานคันนั้นไป แล้วสอบถามว่ามีปัญหาอะไรถึงได้มาทุบรถตน จากนั้นก็เป็นกลุ่มเพื่อน ๆ และคนขับรถแกร็บคาร์จึงวิ่งเข้าไป ตอนนั้นก็มีการชุลมุนกัน จนมีการวิ่งหนีขึ้นไปบน BTS กลุ่มของคนขับรถแกร็บคาร์ก็ขึ้นไปจับตัว คนขับรถจักรยานลงมาเพื่อสอบถามว่าทำไมถึงต้องมาทุบรถ
ตอนนั้นตนยังได้ยิน คนขับจักรยานท้าตัวต่อกลุ่มวัยรุ่นด้วยว่าวิ่งแข่งกันไหม ก็ยังแปลกใจอยู่ จากนั้นก็มีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทางกลุ่มของคนขับรถแกร็บคาร์ก็ไปสถานีตำรวจด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็เข้าใจว่าคนขับรถจักรยานด่าทอพวกกลุ่มแกร็บคาร์ก่อนว่าทำไมต้องมาจอดในที่ห้ามจอด เหมือนจะไม่ให้พวกตนทำมาหากินได้เลย พวกเราก็เข้าใจว่าเป็นพื้นที่ห้ามจอด แต่ก็ต้องทำมาหากินหากตำรวจมาไล่ก็ยอมไปโดยดี แต่ตรงนี้กดรับลูกค้าได้ง่าย
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังไม่ได้สอบถาม นายสิงห์ (นามสมมติ) คนขับรถตุ๊ก ๆ บอกกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่าเรื่องนี้กลุ่มคนขับรถตุ๊ก ๆ ไม่เกี่ยวด้วย ไม่มีใครไปร่วมลงมือทำร้ายร่างกายชายคนดังกล่าว แต่ก็ได้ยินเขาพูดกันว่าชายคนนี้มาทุบรถเขาก่อน จึงมีเรื่องมีราวกัน
