จากกรณี เด็กหญิงโดนฉุดไปรุมโทรมข่มขืน โดยกลุ่มวัยรุ่น 5 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ทั้ง 5 คน ขณะที่ผู้เป้นพ่อแฉมีถึง 9 คน แถมเพื่อนลูกสาวที่ไปด้วยกันก็ถูกรุมโทรมไปด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่าน :
คุมตัว "เติ้ล" แก๊งโจ๋รุมโทรมเด็ก 12 ส่งสถานพินิจ - แม่เผยลูกสารภาพหมดเปลือก )
วันนี้ 21 ธ.ค. 61
นายอาคม พ่อของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า กรณีมีผู้เสนอจะจ่ายช่วยเหลือลูกสาวนั้น ตนพอทราบและได้รับการติดต่อมาบ้าง แต่ยังไม่อยากคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะต้องการจัดการเรื่องลูกสาวให้จบก่อน นอกจากนี้ ตนอยากชี้แจงว่า เมื่อคืน (20 ธ.ค.) มีข่าวนำเสนอว่า ตนแจ้งความว่าลูกสาวหายไปนั้น ไม่เป็นความจริง เป็นการตีความลงข่าวผิด ตนเพียงแค่หาลูกไม่เจอ และติดต่อไม่ได้ จึงเดินทางไปที่ สภ.เมืองสระบุรี เท่านั้น ส่วนหน่วยงานที่ติดต่อเพื่อขอเยียวยานั้น ตนก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่โทรศัพท์ของตนเองมีปัญหา ติดต่อไม่ได้เท่านั้น
นายอาคม ยอมรับว่า ขณะนี้ตนเข้มแข็งขึ้น และพร้อมจะดำเนินการทางคดี เพื่อเอาผิดผู้กระทำลูกสาวให้ถึงที่สุด ซึ่งไม่ใช่เพียงวัยรุ่น 5 คน ที่อยู่ในสถานพินิจเท่านั้น หากตนสืบพบว่ามีใครที่เกี่ยวข้อง ก็จะต้องรับโทษครั้งนี้ทั้งหมด
ส่วนน้อง 16 ปี ตนตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว เห็นชัดว่าไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นนางนกต่อ เพราะมีพฤติกรรมลวงลูกสาวไปที่จุดเกิดเหตุจริง โดยลูกสาวตนเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ 16 ปี มีพฤติกรรมรู้เห็นกับกลุ่มวัยรุ่น 5 คน และไม่ได้ให้ช่วยเหลือ ตนจึงขอยืนยันว่า รุ่นพี่ 16 ปี เป็น “นางนกต่อ” แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อรุ่นพี่คนดังกล่าวได้ และไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน นอกจากนี้ ลูกสาวเล่าให้ฟังอีกว่า หลังเกิดเหตุ เด็ก 16 ปี โทรศัพท์พยายามติดต่อขอพูดคุยกับลูกสาวตน ในลักษณะข่มขู่จะทำร้ายร่างกายอีกด้วย
นอกจากนี้พบว่า หลังจากให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวประมาณ 25 นาที พ่อของเด็ก 12 ขวบ ไลฟ์สด ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 นาที ระบุว่า “ตอนนี้กูเครียด ไม่มีที่ระบาย เนื่องจากลูกสาว กำลังจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย กูจะทำอย่างไรดี อยากกระทืบพวกมันทั้งหมด” พร้อมทั้งร้องไห้ออกมา
ที่บ้านของนายสังวาลย์ สิทธิปัญญา อดีตประธาน อบต.ผึ้งรวง พบว่า เจ้าตัวอาศัยอยู่ภายในบ้าน แต่ไม่ออกมาให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยกับทีมข่าว มีเพียงร้านค้าขายของชำ ซึ่งภรรยาของนายสังวาลย์เป็นผู้ดูแลร้านเปิดให้บริการอยู่ โดยให้ข้อมูลว่า ทุกอย่างจบแล้ว เจ้าตัวยอมรับด้วยกันลาออก และอยากให้เรื่องราวยุติเพียงแค่นี้ ขอความเห็นใจครอบครัวด้วย
ด้าน
นายใหญ่ (นามสมมติ) ลุงของน้อง 12 ขวบ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่หลานสาวไปโรงเรียน พบว่ามีหลานสดใสร่าเริงขึ้น เพราะมีครอบครัวคอยปลอบและให้กำลังใจ แต่ก็ยังมีคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตอยู่บ้าง ซึ่งตนต้องขอบคุณโรงเรียนที่เข้าใจหลานสาว รวมถึงไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น ทั้งนี้ ตนต้องการให้หลานสาวมีการศึกษาที่ดี เรียนจบ และมีความรู้ต่อไป
ส่วนกรณีเงินบริจาค ทั้งจากกลุ่มบุคคล ดารานักแสดง และเพจต่าง ๆ ครอบครัวได้รับประสานมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่หน่วยงานเหล่านี้จะประสานเข้ามาทางพ่อเด็กมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ครอบครัวก็ต้องขอขอบคุณน้ำใจ และความช่วยเหลือที่ส่งมายังน้องในฐานะผู้เสียหาย โดยเงินจำนวนดังกล่าว ตนจะเปิดบัญชีชื่อของหลานสาว เพื่อใช้ไว้สนับสนุนการศึกษาในอนาคต
นายใหญ่ เปิดเผยอีกว่า หลังจากนี้ ครอบครัวอาจต้องเข้มงวดเรื่องการออกนอกบ้านในยามวิกาล เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องในลักษณะนี้ขึ้นซ้ำ และฝากถึงผู้ที่มีลูกสาวว่า ให้ช่วยดูแลคนในครอบครัว โดยมอบความรักและความอบอุ่นให้เพียงพอ และตนต้องการให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวตนนี้ เป็นกรณีสุดท้าย
ขณะที่
แทค ภรัญญู นักแสดง เปิดเผยว่า เมื่อเห็นคลิปต้นเรื่องซึ่งมีผู้ใหญ่มาไกล่เกลี่ย ก็ทำให้ตนไม่พอใจ เพราะตนมีหลานสาวอยู่ด้วยจึงคิดว่า หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวตนเองบ้างจะเป็นอย่างไร ตนเองก็ทนไม่ได้แน่ ๆ
เมื่อเห็นว่าผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน ตนก็ยิ่งรู้สึกว่า เป็นเยาวชนอีกแล้วหรือ อย่างนั้นโทษก็ต้องเบามาก ไม่เหมือนกับต่างประเทศ ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็จะมีโทษเท่ากันหมด
ตนมองว่าปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่ซ้ำซากเป็นมานานแล้ว และไม่มีผู้ใดแก้ไขได้เสียที และหากยิ่งมีโทษน้อย เมื่อพ้นโทษออกมาก็จะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
เมื่อถามว่าแทคได้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัวจริงหรือไม่ แทคบอกว่า
แทค กล่าวอีกว่า วานนี้ตนโอนเงินไปให้พ่อเป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท เพราะเห็นว่าพ่อของเด็กเป็นช่างสัก ซึ่งตนเป็นคนชอบสักอยู่แล้ว รวมถึงตนมีรุ่นน้องที่รู้จักกับพ่อของเด็กผู้เสียหาย
ส่วนกรณีที่รองโฆษกฯ ออกมาบอกว่าคดีนี้อาจ "โอ้ละพ่อ" ตนก็เห็นว่าผู้ถูกกระทำเป็นเพียงเด็ก 12 จะสมยอมได้จริง เพราะถึงอย่างไร ผู้เสียหายก็ยังเป็นเด็กอยู่ จะ "โอ้ละพ่อ" ได้อย่างไร และถึงจะสมยอมจริง แต่เด็กก็ถูกกระทำใช่หรือไม่