วันที่ 12 มกราคม 2565 เมื่อเวลา 10.00 น. ร.ต.อ.ประมาล พูลสิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางคล้า ได้รับแจ้งมีเหตุ นายสันติสุข ใจฮวบ อายุ 27 ปี ไล่ยิงนายปิยะพงษ์ พุกสอน อายุ 35 ปี ซึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนางกนกวรรณ นาคกร อายุ 35 ปี ภรรยา ตั้งครรภ์ 6 เดือน ซ้อนท้ายอยู่ด้วย
กระสุนได้พลาดถูกนางสาวกนกวรรณ 1 นัด ทางด้านหลังทะลุท้องด้านหน้า เหตุเกิดบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ฉะเชิงเทราศูนย์บางคล้า
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. นายสันติสุขได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรบางคล้าแล้ว รับสารภาพว่าก่อเหตุเพราะแค้นใจที่ในอดีตนายปิยะพงษ์เคยข่มขืนแฟนสาวของตัวเอง โดยแม้นายปิยะพงษ์จะต้องดคีจำคุก 4-5 ปี แต่นายปิยะพงษ์ยังคอยมาหาเรื่องด้วยการขับรถเบิ้ลเครื่องใส่อยู่เป็นประจำ
นายปิยะพงษ์ พุกสอน อายุ 35 ปี ผู้รอดชีวิต เล่าว่า ช่วงเช้าวันนี้เวลา 8.30 น. ตนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อจะไปส่งภรรยาที่บ้านต่างอำเภอ เมื่อตนขับรถจักรยานยนต์มาตามทางใกล้กับที่เกิดเหตุ ตนพบเห็นรถเก๋งโตโยต้ายาริส สีดำ จอดอยู่ข้างทาง ซึ่งตอนแรกตนไม่ได้เอะใจอะ จนกระทั่งตนขับรถมาถึงจุดที่รถคันดังกล่าวจอดอยู่ ทันทีที่ตนสบตาอีกฝ่าย ตนคิดในใจทันทีว่าอีกฝ่ายคงเอาตนตายแน่
จากนั้น อีกฝ่ายก็ยิงผ่านหน้าตนไป 1 นัด ตนจึงรีบขับรถหนี แต่อีกฝ่ายก็ขับรถตามมายิงไล่หลังมาอีก 4 นัด และยิงอีก 1 นัด เข้าที่หลังของภรรยาตน จนทำให้รถล้ม ตนรีบเข้าไปประคองภรรยา ซึ่งอีกฝ่ายกำลังจะขับรถทับขาภรรยาตน จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้ขับมาจอดรถปาดหน้า ลงมาจากรถพร้อมปืนในมือ เมื่อภรรยาของตนเห็น ภรรยาของตนบอกว่า “พี่ระวัง” ตนจึงพยายามโอบกอดปกป้องภรรยา พูดว่า “อย่ายิงเมียกู” จากนั้นอีกฝ่ายก็ได้ยิงมาอีก 2 นัด แล้วขึ้นรถขับออกไป ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าที่อีกฝ่ายหยุดยิงเป็นเพราะคิดว่าตนถูกยิงแล้ว หรือกระสุนหมด รวมแล้ว ยิง 8 นัด
ตนได้อุ้มภรรยาไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน โดยชาวบ้านได้ช่วยเหลือเร่งขับรถกระบะพาภรรยาของตนส่งโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาลในเวลา 09.00 น. ตนร้องไห้ทันทีที่เห็นแผล และเลือดของภรรยาไหลนองพื้น “ทำไมไม่เป็นผม ทำอะไรผม ผมไม่เคยว่า ทำไมต้องยิงเมียผม มีเรื่องกับผมดักยิงผมดักฆ่าผมก็ได้ เมียผมท้อง เมียผมไม่ได้มีแค่ชีวิตเดียว ถึงจะเคยมีเรื่องบสดหมางกัน แต่ผมรับโทษในคุกที่ได้ทำมาแล้ว แต่ผมรับไม่ได้ เพราะลูกกับเมียผมไม่เกี่ยว” ขณะนี้แพทย์กำลังช่วยเหลือภรรยาของตนอย่างเต็มที่ โดยเข้ารับการผ่าตัดในเวลาประมาณ 17.00 น. แพทย์ให้ตนเลือกว่าจะรักษาแม่เด็กหรือเด็กไว้ แต่ตนเลือกไม่ได้
สำหรับเรื่องราวในอดีต ตนยอมรับผิด ตนเคยพัวพันยาเสพติด เช่นเดียวกันกับนายสันติสุข โดยเหตุการณ์ในอดีต แฟนของนายสันติสุขเป็นคนโทรศัพท์ล่อลวงตนไปพบ แต่หลังจากที่มีอะไรกัน แฟนของนายสันติสุขกลับบอกว่าตนข่มขืน ตนจึงถูกจับกุมในข้อหากระทำชำเราและบุกรุก ติดคุกนานประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2560 ซึ่งตนขอยืนยันว่าตั้งแต่ตนพ้นโทษออกมา ตนไม่เคยไประรานหรือหาเรื่องยั่วยุนายสันติสุขแม้แต่ครั้งเดียว ตนขอดำเนินคดีกับนายสันติสุขให้ถึงที่สุด เพราะอีกฝ่ายมีความตั้งใจและจงใจที่จะฆ่าตนและภรรยา โดยอีกฝ่ายเห็นอยู่เต็มตาว่าภรรยาของตนถูกยิง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดการกระทำ
นายอนุสรณ์ ใจฮวบ อายุ 30 ปี พี่ชายของผู้ก่อเหตุ บอกว่า น้องชายของตนบาดหมางใจกับนายปิยะพงษ์มานานนับ 10 ปี ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน และมักจะดื่มสังสรรค์กันอยู่เป็นประจำ โดยเหตุการณ์ในอดีตเริ่มต้นจากการที่น้องชายของตนมีภรรยา มีลูกด้วยกัน 3 คน วันหนึ่งนายปิยะพงษ์ก็ได้มาดื่มสังสรรค์ที่บ้านของตน จากนั้นนายปิยะพงษ์ก็ได้หลอกให้น้องชายของตนไปซื้อสุรา แล้วทำการขืนใจภรรยาของน้องชายตน
หลังจากเกิดเหตุ ตนและครอบครัวได้พยายามเข้าไปเจรจากับนายปิยะพงษ์หลายครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอมพูดคุยด้วย ทางครอบครัวของตนจึงแจ้งความจับนายปิยะพงษ์ แต่สุดท้ายน้องชายของตนก็ต้องเลิกกับภรรยา ตนอยากจะถามนายปิยะพงษ์ว่า “ตั้งแต่ออกมาจากคุก เวลาที่ขับรถผ่านเบิ้ลเครื่องใส่ ยั่วอารมณ์กันทำไม ต้องการอะไร พอเกิดการสูญเสีย คุณก็รับไม่ได้” สำหรับเหตุที่เกิดขึ้นล่าสุด ตนและครอบครัวไม่ทราบเรื่อง กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งมาในเวลา 10.00 น. และไม่ได้พบน้องชายกระทั่งเดินทางไปมอบตัว
ตนต้องขอโทษฝ่ายของนางกนกวรรณ ผู้บาดเจ็บด้วย เพราะเป็นคนไม่รู้เรื่องราว และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมาง โดยตนเชื่อว่าน้องชายไม่ได้ตั้งใจให้เหตุกลายเป็นแบบนี้ ทั้งนี้ การประกันตัวตนคงต้องปรึกษากับครอบครัวก่อน จากนี้หากเป็นไปได้ตนก็อยากพูดคุยกับนายปิยะพงษ์ เพื่อที่จะได้ยุติความบาดหมาง จะได้ไม่ต้องแก้แค้นกันไปกันมาให้เกิดความสูญเสีย