วันที่ 13 ม.ค. 65 เวลา 09.30 น. ที่ สภ.สำโรงเหนือ นายฮาซัน รักหอม อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย พร้อมนางพจนีย์ อยู่เจริญ อายุ 58 ปี แม่ และทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ สืบเนื่องจากกรณีเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค. 65 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัครตำรวจจับกุม และกล่าวหาว่าตรวจพบยาเค แต่ภายหลังพิสูจน์ได้ว่าเป็นการบูร ตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้นั้น
นายฮาซัน และครอบครัวพร้อมทนายความ ได้เข้าพูดคุยเจรจากับ พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ, พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ สลักคำ รองผู้กำกับปราบปราม, พ.ต.ท.มงคล พฤกษชาติ รองผู้กำกับการสอบสวน และพนักงานสอบสวน ทนายไพศาล กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาแจ้งความ แต่เบื้องต้นผู้เสียหายเจตนาจะพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ก่อน ซึ่งก็ต้องขอบคุณตำรวจที่ให้ความมั่นใจ
ด้านนายฮาซัน ระบุว่า อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีดุลพินิจในการตรวจเรื่องยาเสพติดมากกว่านี้ พร้อมฝากถามถึงชุดจับกุม ในวันเกิดเหตุตนขอร้องอ้อนวอน ยืนยันตัวเองไม่ได้เสพยา พร้อมก้มลงไปกราบ สุดท้ายคดีพลิกตนไม่ใช้สารเสพติด
ด้านพ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ถึงจะเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากการทำงาน โดยเข้าใจความรู้สึกของผู้เสียหาย พยายามติดต่อครอบครัว หลังทราบข่าว เพื่อเข้าไปพบและแสดงตัวในฐานะผู้บังคับบัญชา พร้อมรับผิดชอบทั้งหมด เมื่อวานมีโอกาสได้พบกับคุณแม่และครอบครัว เพื่อขอโทษในสิ่งที่ผิดพลาดก็ต้องถอดบทเรียนแก้ไข นอกจากนี้ ก็พร้อมเยียวยาชดเชยความสูญเสีย ส่วนเรื่องคดีก็ว่าไปตามข้อเท็จจริง ก่อนที่ผู้กำกับและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดจะลุกขึ้นยกมือไหว้ผู้เสียหายและครอบครัว
นายฮาซัน รักหอม ผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังการพูดคุยเจรจาก็พึงพอใจ ตอนนี้เหลือแค่แจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุคือตำรวจหรืออาสา รอตรวจสอบรายละเอียดในคลิป และเรียกคู่กรณีมาให้ปากคำอีกครั้ง จึงจะสามารถเปรียบเทียบปรับได้
วันนี้ตนสบายใจขึ้นมาก เพราะได้รับความเป็นธรรม มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาพูดคุย ซึ่งตนก็อยากให้ตำรวจมีดุลพินิจ และวิเคราะห์ ทำตัวให้ประชาชนเคารพ เมื่อเจอตำรวจต้องสบายใจ ไม่ใช่หวาดระแวง โดยส่วนตัวก็อยากให้ชุดจับกุมทั้งตำรวจและอาสามาขอโทษด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ตนก้มลงไปกราบเท้า วันนี้ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกฝ่ายกล้ามากราบไหว้ตนเหมือนที่ตนทำหรือไม่
ทั้งนี้ ตนก็กังวลเรื่องการขับรถเข้าด่านแล้วรู้สึกหวาดระแวงไปเลย หลังเกิดเหตุวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. ตัวเองได้ไปตัดผมล้างซวย โดยบอกช่างตัดผมว่าขอตัดสกินเฮดเบอร์สั้นที่สุด พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ช่างฟัง อีกเหตุผลที่ตัดผมเพราะวันเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่บอกว่าตนดูมอมแมม เลยคิดว่าน่าจะพัวพันกับสิ่งเสพติด ตนเลยตัดผมจะได้ดูสะอาดสะอ้านขึ้น หลังตัดผมแล้วชีวิตก็ดีขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ กล่าวว่า เรื่องอาสาสมัครตำรวจในตอนนี้มีคำสั่งยกเลิกทั้งหมด เรื่องโครงการอาสาสมัครเป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะให้ประชาชนมามีส่วนร่วม เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยอาสาที่ผ่านอบรมเมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 100 กว่านาย แยกไปตามกลุ่มงานต่าง ๆ ซึ่งตอนนี้ได้ยกเลิกไปหมดแล้ว
ส่วนคดีเก่าเรื่องอาสาถีบรถประชาชน ทราบว่ามีการลงโทษไปแล้ว และอาสาที่ทำงานปัจจุบันก็เป็นคนละชุดกัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ ได้มีคำสั่งย้ายไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติงานก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น โดยตนอยากให้ความมั่นใจแก่ครอบครัวผู้เสียหายว่าหลังจากนี้จะไม่มีการข่มขู่หรือคุกคามแน่นอน
จากนั้น พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ สลักคำ รองผู้กำกับปราบปราม หัวหน้างานชุดสายตรวจ และอาสาสมัครชุดเกิดเหตุ ได้นำกระเช้ามามอบให้กับผู้เสียหายและครอบครัว
นางพจนีย์ อยู่เจริญ อายุ 58 ปี แม่ของผู้เสียหาย ระบุว่า ก่อนอื่นก็ขอบคุณทางตำรวจที่มีความอดทน โดยเฉพาะผู้กำกับที่ไปยืนรออยู่หน้าบ้านประมาณครึ่งชั่วโมงเมื่อวานนี้ เพื่อจะขอเข้าพบกับตน ซึ่งตนก็กลัวไม่กล้าออกมาต้อนรับในตอนแรก
ทั้งนี้ ตนอยากฝากว่าตำรวจคือที่พึ่งของประชาชน อยากให้มีดุลพินิจในการจับกุมยาเสพติด อยากให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ และตัวอย่างแก่ตำรวจต่อไป
ทีมข่าวเดินทางไปที่หอพักของนายฤทธิ์ หนึ่งในอาสาสมัครตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ พบกับผู้ดูแลหอพัก ระบุว่า ขณะนี้นายฤทธิ์ไม่อยู่ที่ห้อง คาดว่าน่าจะไปหาญาติ ราบว่านายฤทธิ์เป็นอาสาตำรวจ หลังเกิดเหตุก็ได้เจออีกฝ่าย และสอบถามเรื่องเหตุการณ์ เจ้าตัวยอมรับว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่ไม่บอกรายละเอียด และระบุว่าไม่มีอะไร ที่ผ่านมานายฤทธิ์นิสัยดีเรียบร้อย ไม่ได้ทำตัวกร่าง ก็คิดว่าเจ้าตัวไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่มีคลิปออกมาอย่างชัดเจน