ผลตรวจพบ เสือโคร่ง ทองผาภูมิ ถูกยิงที่หัว ตัวแรก 12 รู ตัวที่สอง 4 รู

สัตวแพทย์ตรวจพิสูจน์การเสียชีวิตของเสือโคร่ง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ พบว่าโดนยิงเข้าที่หัวอย่างเดียว ตัวแรกโดนยิงไป 12 รู ตัวที่สองโดนยิงไป 4 รู

คณะสัตวแพทย์ตรวจพิสูจน์การเสียชีวิตของเสือแล้วพบว่าเสือโคร่งโดนยิงเข้าที่หัวอย่างเดียว ตัวแรกโดนยิงไป 12 รู เป็นลูกกระสุนลูกปลาย ตัวที่สองโดนยิงไป 4 รู จากลักษณะเป็นการจ่อยิง ซึ่งบขณะนี้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ โดยนายสมโภชน์ ดวงจันทราศิริ หัวหน้าสถานีวิจัยฯ กำลังตรวจสอบลายว่าเสือทั้งสองตัวมาจากพื้นที่ไหน แต่ขณะยังไม่สามารถพิสูจน์ เนื่องจากว่าหนังของเสือมีความชื้นส่วนเนื้อของเสือมันเริ่มมีรอยย่น เมื่อนำไปรวมกันจึงทำให้ดูค่อนข้างยาก

แต่อย่างไรก็ตามนายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเคยชี้แจง รวมทั้งมีนักวิจัยหลายท่าน วิจัยเอาไว้ว่าพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไม่เคยพบเสือโคร่งมาก่อน แต่เมื่อมาพบก็ปรากฏว่าเสือถูกล่าไปแล้ว ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าเสือโคร่งมีการขยายพันธุ์มากขึ้นจึงต้องมีการขยายถิ่นออกไป หรือเสือทั้ง 2 ตัวที่ถูกล่าอาจจะเป็นเสือที่อาศัยอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้วเข้ามาหากินในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิที่มีชายแดนติดกันก็เป็นไปได้เช่นกัน

จากกรณีที่ผู้ต้องหาบอกว่าในห้าง 2 เดือนที่ผ่านมา เสือโคร่งได้เข้ามากัดวัวของชาวบ้านตายไปหลายตัวนั้น จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ทุกคนพูดว่าไม่เคยพบเหตุการณ์ดังกล่าวมาก่อน เพราะหากเหตุการณ์ตามที่ผู้ต้องหาให้การเป็นความจริง ชาวบ้านจะต้องมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือ

แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเสือทั้ง 2 ตัวอาจจะย้ายถิ่นฐานมาจากพื้นที่อื่น และเข้ามาอาศัยหากินอยู่ในเขตอุทยานทองผาภูมิได้ประมาณ 1-2 เดือน และเมื่อกลุ่มนายพรานเห็นร่องรอยของเท้าเสือโคร่ง จึงร่วมกันวางแผนในการฆ่าเสือโคร่งทั้ง 2 ตัว ซึ่งหลังจากนี้ไปเจ้าหน้าที่อุทยานทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและพื้นที่จังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่อรุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จะสนธิกำลังกันออกลาดตระเวนตรวจตราเพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาทำลายป่าไม้รวมทั้งล่าสัตว์ป่าทุกชนิดอย่างเข้มข้นให้เป็นไปตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.ทส.รวมทั้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส.และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ด้านนายประสาท แดงเถิน ผู้ใหญ่บ้านบ้านปิล๊อกคี หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ เปิดเผยว่า วิถีชีวิตของชาวบ้านหากอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากชาวบ้านก็จะต้อนวัวต้อนความขึ้นไปกินหญ้าบนยอดห้วยเช่นตามป่าหมากรวมทั้งพื้นที่พันไร่ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกิดเหตุ สำหรับปีนี้กว่าน้ำในเขื่อนจะลดลงก็คงต้องรอไปอีกหลายเดือน และเมื่อน้ำลดลงชาวบ้านก็จะอพยพวัวควายลงมากินหญ้าในพื้นที่ของเขื่อนวชิราลงกรณตามเดิม

สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมนั้นเป็นคนขยันทำมาหากิน ไม่เคยมีพฤติกรรมในการล่าสัตว์มาก่อนแต่อย่างใด ทุกคนได้ไปสร้างกระต๊อบเอาไว้ในป่าเพื่อดูแลวัวควายของตนเอง ซึ่งเขาไม่ได้มีอาชีพเป็นนายพรานแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุตนเชื่อว่าเมื่อพบเสือมากินวัวของตนเองจึงใช้อาวุธปืนยิงเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เสือมากัดวัวกัดควายของชาวบ้านเท่านั้นเอง และไม่เคยคิดว่าเมื่อยิงแล้วจะเอาเสือไปค้าหรือนำไปขาย

ถามว่าที่ผ่านมาเคยได้รับแจ้งจากชาวบ้านหรือไม่ว่าเสือมากัดวัวเสียชีวิตไปหลายตัว เรื่องนี้ตนไม่เคยได้รับแจ้งแต่ได้ยินข่าวว่ามีเสือมากัดวัวของชาวบ้าน แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้มาแจ้งให้ทราบเพื่อให้ตนหาทางช่วยเหลือแต่อย่างใด

ด้านนายโชเอ ไม่มีนามสกุล อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/ซ หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวคนที่ 5 ให้สัมภาษณ์เป็นภาษากะเหรี่ยงผ่านล่ามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่รู้เรื่อง แต่ยอมรับว่าตนไปเลี้ยงวัวและอยู่ในกระต็อบนั้นจริง ต่อมาวัวของตนเดินกลับลงมาด้านล่าง ตนจึงเดินตามฝูงวัวลงมา แต่ตนกลับลืมเอาเปลที่ผู้เอาไว้กลับมาด้วย และตนไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีการวางแผนในการยิงเสือโคร่งในครั้งนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 4 นายพรานฆ่าถลกหนัก เสือโคร่ง ประสาน นักการเมืองท้องถิ่น อำนวยความสะดวกเข้ามอบตัว