สาว CEO ไทยบ้านทีวี ควง ทนายตั้ม ยื่นหนังสือถึง ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เอาผิดวินัย ผู้ใหญ่บ้านคนสวย
CEO สาวไทยบ้านทีวี นางมนธิรา มูลกระแสน พร้อม ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคมเข้ายื่นหนังสือให้ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ สั่งเอาผิดลงโทษทางวินัยแก่ผู้ใหญ่บ้านคนสวยที่มาแย่งผัวชาวบ้านและบอกผู้สื่อข่าวว่าได้เลิกกับผัวเก่าฝรั่งชาวอิตาลีแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ม.ค. ที่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นางมนธิรา มูลกระแสน อายุ 43 ปี ประธานกรรมการผู้มีอำนาจและเป็นผู้บริหารของบริษัทไทบ้านทีวีจำกัดหรือ CEO สาวไทยบ้านทีวี จำกัด พร้อม ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิดเลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคมได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสนิท ชาวสะอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เพื่อให้ดำเนินสอบสวนความประพฤติของผู้ใหญ่บ้านนาโซ่ หมู่ที่ 9 ตำบลหอคำอำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ โดยมีใจความในหนังสือว่า
"เนื่องจากมีความประพฤติทำให้ข้าฯ ได้รับความเดือดร้อนเสียหายทางชื่อเสียงเกียรติคุณ กล่าวคือ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวผู้ใหญ่บ้านนาโซ่หมู่ที่ 9 ตำบลหอคำ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ เป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไปว่า สาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ อายุ 33 ปี ผู้ใหญ่บ้านนาโซ่ หมู่ที่ 9 ตำบลหอคำ เป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วไปตามข่าวว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย ข้อเท็จจริงนี้เป็นทราบกันโดยทั่วไปและ นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ ยังเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าให้แก่สินค้าของ บริษัท รักแท้ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด อีกด้วย
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวข้าพเจ้าข้าฯ ขอเรียนว่าข้าฯ เป็นประธานกรรมการผู้มีอำนาจและเป็น ผู้บริหารของบริษัทไทบ้านทีวี จำกัด อยู่กินฉันท์สามีภรรยากับ นายคทาธร พิลาพงษ์ ร่วมกันประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศโดยมีบุตรด้วยกัน 1 คนคือ ด.ช.ธรคทา พิลาพงษ์ ใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ที่บ้านเลขที่ 160 หมู่ 10 ตำบลปากคาด อำเภอปากคาดจังหวัดบึงกาฬ ต่อมาเมื่อประมาณวันที่ 8 มกราคม 2565 ข้าฯ ได้รับข่าวจากทางสื่อออนไลน์ว่า นายคทาธร พิลาพงษ์ สามีของข้าฯได้จดทะเบียนสมรสกับ นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ ครั้งแรกข้าฯ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้เพราะข้าฯ กับนายคทาธรพิลาพงษ์และบุตรยังใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปกติสุข ข้าฯ จึงเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฎว่าทั้งสองคนได้ตกลงอยู่กินด้วยกันและจดทะเบียนสมรสกันจริง
จากการที่ นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ ได้ตกลงอยู่กินฉันท์สามีภรรยาและจดทะเบียนสมรสกับ นายคทาธร พิลาพงษ์ ทั้งที่ทราบดีว่าข้าฯ อยู่กินฉันท์สามีภรรยากับนายคทาธร พิลาพงษ์และใช้ชีวิตเป็นครอบครัวอยู่บ้านหลังเดียวกัน ทั้งยังมีบุตรด้วยกันทำให้ข้าฯ ได้รับความเสียหายทางชื่อเสียงเกียรติคุณ เนื่องมาจากการกระทำของนางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นทราบเป็นอย่างดี
ดังนั้นการที่นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ เข้ามายุ่งเกี่ยวฉันท์ชู้สาวกับนายคทาธร พิลาพงษ์ และถึงขั้นพากันไปจดทะเบียนสมรสทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าข้าฯ กับนายคทาธร พิลาพงษ์ ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในบ้านหลังชายคาเดียวกัน ถือว่านางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมีความประพฤติที่เสื่อมเสียไม่เหมาะที่จะดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่อันเป็นตำแหน่งที่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชน
ด้วยหนังสือฉบับนี้ข้าฯ จึงกราบเรียนขอให้ท่านตรวจสอบสอบสวนข้อเท็จจริงให้ได้ความกระจ่างว่าเป็นอย่างที่ข้าฯ ได้กราบเรียนแล้วข้างต้นหรือไม่หากเป็นอย่างที่ข้าฯ ได้กราบเรียนถือว่า นางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ ฐานะผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติผิดวินัยจึงขอให้ท่านมีคำสั่งลงโทษตามระเบียบวินัยของทางราชการต่อไป ลงชื่อ นางมนธิรา มูลกระแสน"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าหนังสือฉบับนี้ นางมนธิรา และทนายตั้ม ได้ให้ผู้สื่อข่าวดูที่ด้านข้างโรงจอดรถศูนย์ราชการและให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวหลายสำนักทั้งส่วนกลางและภูมิภาคก่อนจะเข้ามายื่นหนังสือร้องเรียน โดยม ชัยณรงค์ สุระดะนัยป้องกันจังหวัด นายโสภณกิตติ พะวงษ์ ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดบึงกาฬ ออกมารับหนังสือก่อนที่ผู้ว่าจะมอบหมายให้ นายนภดลจอมเพชร ปลัดจังหวัดลงมารับเรื่องแทน เนื่องจากติดประชุมด่วน ซึ่งผู้ร้องต้องการให้สอบสวนเอาผิดทางวินัยที่ผู้ใหญ่บ้านคนสวยคนดังประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งปลัดจังหวัดได้กล่าวตอบว่าต้องสอบสวนข้อเท็จจริงตามระเบียบของทางราชการเสียก่อนว่าผู้ใหญ่บ้านทำผิดระเบียบวินัยถึงขั้นไหนหลังจากนั้นจึงจะสั่งลงโทษเอาผิดได้และรับปากว่าจะสอบสวนให้กระจ่างให้เร็วที่สุดและจะแจ้งให้ผู้ร้องให้รับทราบตามหนังสือร้องเรียนมา
จากนั้นนางมนธิรา และ ทนายตั้ม ได้เดินทางไปพบ ร.ต.อ.วิษณุ ชัยคารมณ์รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ เจ้าของคดีหลังผู้ใหญ่เหมียว เข้าแจ้งความร้องทุกข์ข้อหาผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
เบื้องต้นจากการพูดคุยราวครึ่งชั่วโมง พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหาใดๆ ต้องเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำอีกครั้งว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ และจะได้นำสำนวนเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจึงจะเรียกคุณมนธิรา มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป หากพบมีความผิดตามที่ผู้กล่าวหามาแจ้งความเอาไว้
ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นางมนธิรา CEO ไทยบ้านทีวี ว่าเหตุใดจึงไม่ยอมจดทะเบียนกับอดีตสามีคือ นายแม็ค รักแท้ไทยนิยม หรือ นายคทาธร พิลาพงษ์ อายุ 45 ปี อดีตนักร้องลูกทุ่งดังที่หันมาทำธุรกิจสื่อโฆษณาและขายอาหารเสริม ซึ่งได้เคยรบเร้าขอจดทะเบียนสมรสมาตลอดเพื่อเป็นการยืนยันความมั่นคงของความรักและธุรกิจที่ทำร่วมกันตามที่นายแม็คเคยชี้แจงกับสื่อตามข่าวที่ผ่านมา
นางมนธิรา ไม่ยอมตอบตรงๆ ในเรื่องนี้ แต่ก็ได้ยืนยันว่าได้เลิกกับสามีฝรั่งคือ นายเปาโล ชาลวาตอเร่ ชาวอิตาเลี่ยน วัย 70 ปีแล้วเมื่อหลายปีก่อนซึ่งในสารบบทะเบียนสมรสของอิตาลีนั้นจะไม่มีว่าทั้ง 2 คนเป็นสามีภรรยากันแล้วให้ไปเช็กดูในทะเบียนประวัติทะเบียนบ้านของไทยได้
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวลองตรวจเช็กดูตามที่ CEO กล่าวว่าอ้างก็พบว่ายังมีทะเบียนสมรสด้วยกันกับสามีชาวอิตาเลียนคนนี้อยู่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทั้งนางมนธิราและนายแม็คไม่สามารถจดทะเบียนซ้อนกันอีกก็เป็นได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปลัดจอมแฉ เปิดตำราวิเคราะห์ดราม่า CEO สาวฟ้อง ผู้ใหญ่บ้านคนงามบึงกาฬ ชี้ จดได้ไม่ผิด