กรณีคุณตาวัย 70 ปี ชาว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ตามร่างกายมีบาดแผลหลายจุด ทั้งใต้รักแร้ขวา หัวไหล่ซ้าย ต้นคอ และยังถูกตีที่ศีรษะ ทำให้เสียเลือดมาก แพทย์พยายามช่วยเหลือ แต่คุณตาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือนายหงษ์ สุดาเดช อายุ 71 ปี โดยคนก่อเหตุเข้ามาทำร้ายร่างกาย แล้วอ้างว่าแค่มาเล่นกับสุนัขนั้น
พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ จนจับกุมตัวได้ ทราบชื่อ นายอัครเดช ภูมิพงศ์ อายุ 21 ปี ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนทำร้ายผู้ตายจริง โดยใช้ไม้ตีและใช้มีดทำครัวแทงซ้ำ
ส่วนสาเหตุ อ้างว่าผู้ตายกล่าวหาว่าตนเข้าไปขโมยของในบ้าน จนเกิดการด่าทอโต้เถียงกัน ตนเดินไปในทุ่งนา ผู้ตายก็ตามมาด่าทออีก
จึงบันดาลโทสะใช้ท่อนไม้ตีเข้าที่กลางศีรษะผู้ตาย ใช้มีดทำครัวที่พกมาด้วยแทงอีก 2 ครั้ง จากนั้นตนก็ลงไปล้างตัวในสระน้ำใกล้ที่เกิดเหตุ เพราะเสื้อเปื้อนเลือด แล้วปั่นจักรยานกลับบ้านไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟัง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาจับกุมตัวในที่สุด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหากับนายอัครเดช ฆ่าผู้อื่นและพกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร และส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการควบคุมตัวคนก่อเหตุมาที่จุดเกิดเหตุ เพื่อชี้จุดประกอบการสำนวนทางคดี และเก็บหลักฐานที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมด
วันที่ 18 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังงานศพของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางสาวเพชรี สุดาเดช อายุ 34 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตอนเกิดเหตุเวลาประมาณ 12.50 น. พ่อของตัวเองอยู่บ้านกับแม่ แต่ว่าแม่เป็นคนแก่หลง ๆ ลืม ๆ ตัวเองไม่เชื่อคำให้การของผู้ก่อเหตุที่เขาอ้างว่าเขาเข้ามาในบ้านตัวเองเพื่อเล่นกับสุนัข สำหรับสุนัขตัวดังกล่าวชื่อ เฮง เฮง เพศผู้ อายุ 2 ขวบ ซึ่งเป็นสุนัขตัวโปรดของผู้เสียชีวิต
ตัวเองคิดว่าไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นการบุกรุกเข้ามาในบ้านของตัวเอง คนปกติเขาจะไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว โดยตัวเองก็ไม่รู้ว่าก่อนจะเสียชีวิตพ่อ มีการทะเลาะอะไรกับผู้ก่อเหตุ เพราะตัวเองไม่เห็นเหตุการณ์ แต่โดยนิสัยพ่อแล้ว เป็นคนจิตใจดี ไม่เคยด่าใครด้วยคำหยาบคาย
เบื้องต้น จากการตรวจสอบทรัพย์สินในบ้าน ก็ยังไม่มีทรัพย์สินในบ้านหายแต่อย่างใด โดยส่วนตัวแล้ว ตัวเองไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน และไม่เคยเห็นชายคนนี้ มาเล่นกับสุนัขของตัวเองอีกด้วย ตัวเองไม่ขอให้อภัยคนก่อเหตุ เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำ เขาทำรุนแรงกับพ่อตัวเองเกินกว่าเหตุ ซึ่งพ่อตัวเองก็เป็นคนแก่ และก็หูพิการไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกด้วย
นางสาวฉัตรสุดา นวลดี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตัวเองเห็นผู้ก่อเหตุปั่นรถจักรยานมาที่บ้านผู้ตาย จากนั้นก็ไปจอดที่จุดเกิดเหตุ จุดที่พบร่างคนเจ็บ แล้วผู้ก่อเหตุก็เดินมาเล่นกับสุนัขที่บ้านของคนตาย ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน และเดินออกนอกบ้าน กระทั่งนายหงษ์ ผู้ตาย ได้เดินตาม แล้วตัวเองก็เห็นผู้ก่อเหตุและคนตายมีปากเสียงกันประมาณ 20 นาที แต่ตอนนั้นยังไม่เห็นทำร้ายร่างกายกัน จากนั้นตัวเองก็เข้าบ้านและไม่เห็นเหตุการณ์อีกเลย กระทั่งมาพบว่านายหงษ์เสียชีวิต
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองไม่เชื่อคำให้การของผู้ก่อเหตุ ที่บอกว่าเขารักสุนัข อยากมาเล่นกับสุนัข เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองไม่เคยเห็นเขามาเล่นกับสุนัขตัวนี้เลย คิดว่าเขาน่าจะมาก่อเหตุขโมยทรัพย์สิน เพราะนายหงษ์เป็นคนชอบสวมสร้อยคอทองคำ
เปิดวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ มุมหน้าบ้านเพื่อนบ้าน เวลา 12.49 น. คนก่อเหตุขับรถผ่านหน้าบ้านคนตาย มุ่งหน้าจุดพบศพ, เวลา 12.57 น. คนก่อเหตุเปิดประตูเข้าบ้านคนตาย โดยมีสุนัขวิ่งมาหน้าบ้านด้วย
เวลา 13.02 น. คนก่อเหตุเดินตามหมาออกมาจากบ้านคนตายแล้วเดินออกมาจากบ้าน ตามคนก่อเหตุ, เวลา 13.09 น. คนก่อเหตุปั่นจักรยานออกมาจากจุดเกิดเหตุ ผ่านหน้าบ้านคนตาย ซึ่งตอนที่ผู้ก่อเหตุลงมือทำร้ายคนตายนั้น ไม่มีกล้องจับภาพได้ เนื่องจากจุดนั้นไม่มีบ้านคน
นายทองหล่อ เชิงหอม ปู่ของคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน หลานชายเอาเชือกมาจะแขวนคอตาย แต่ตัวเองห้ามไว้ได้ทัน กระทั่งวันเกิดเหตุ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าหลานชายไปที่บ้านของนายหงษ์ทำไม แต่หลายชายเขาเป็นคนรักสุนัข เขาเห็นสุนัขไม่ได้ เขาจะเข้าไปเล่นด้วย ตัวเองมารู้เรื่องอีกทีตอนที่หลานไปก่อเหตุเสร็จแล้ว เพราะหลานชายได้วิ่งมาบอกว่าได้ไปแทงคนตาย โดยตอนที่หลานชายวิ่งเข้ามาบ้านนั้น ก็ไม่สวมเสื้อ ไม่สวมกางเกง สวมแต่กางเกงในตัวเดียว และมีเลือดที่หัว
สำหรับหลานชายตัวเอง แต่ก่อนเขาเป็นคนนิสัยดี แต่ระยะหนึ่งปีหลังมานี้เขาจะมีอาการเบลอ เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ก็ขโมยไก่ชนชาวบ้านมา 3 ตัว แต่ตอนนั้นชาวบ้านไม่เอาเรื่อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองก็ขอโทษครอบครัวคนตายแทนหลานชายด้วย