จากกรณีเมื่อ "มนธิรา CEO บริษัท ไทบ้านทีวี" เข้าปรึกษาทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เพื่อดำเนินคดี กรณีที่ "แม็ค รักแท้ ไทยนิยม อดีตนักร้องลูกทุ่ง" และเจ้าของบริษัท รักแท้ เอนเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นสามีที่อยู่กินกันมา 13 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่แอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้ใหญ่เหมียว ผู้ใหญ่บ้านคนสวยแห่งบึงกาฬ
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 65 ขณะที่แม็ค รักแท้ ไทยนิยม ออกมาโต้กลับว่าไม่ได้แอบจดทะเบียนสมรส แต่เลิกกับคุณมนต์ก่อนแล้ว อ้างว่าอีกฝ่ายสร้างกระแสเพื่อให้เจ้าตัวและผู้ใหญ่เหมียวถูกสังคมโจมตี รวมถึงกระทบกับหน้าที่การงานด้วยด้วยนั้น
วันที่ 20 ม.ค. 65 มนธิรา CEO บริษัท ไทบ้านทีวี เปิดใจวว่า จากกรณีที่เป็นข่าวออกมานั้น ตอนนี้หลายคนตั้งคำถามและคิดไปเองว่าตนนั้นอยากได้สามีคืน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตนก็รู้แล้วว่าเรื่องออกมาแบบไหนนายคทาธร พิลาพงษ์ หรือ แม็ค อดีตสามี ได้ออกมาชี้เแจ้ง 15-16 ข้อ ตนก็งงเหมือนกันว่าที่ผ่านมาไม่มีความหมายเลยหรือ
ที่ผ่านมาหลังจากที่อดีตสามีกับนางสาวรัชนิกุล บุญโนนแต้ หรือ ผู้ใหญ่เหมียว จดทะเบียนสมรสกันได้เพียง 12 วัน ฝ่ายผู้ใหญ่เหมียวไปเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บึงกาฬ กล่าวโทษตนในข้อกล่าวหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากนั้นพอตนไปรับทราบข้อกล่าวหาพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับทนายตั้ม ทางตำรวจไม่แจ้งข้อกล่าวหาอ้างว่ายังไม่มีมูลพอ ในความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขอตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง ตอนนั้นตนก็รู้สึกเสียใจเวลา 13 ปีที่คบมาไม่มีค่าเลย
ตนมองว่าฝ่ายหญิงทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม จึงไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ฝ่ายหญิงพูดจาเรียบเรียง รังสรรค์ถ้อยคำที่ดูดีมาก แต่เข้ามาในบ้านที่ตนสร้างด้วยกันมาและมีลูกของตนอยู่ในบ้านหลังนี้ ตึกที่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไป มีพนักงานบริษัทของตนเห็นฝ่ายหญิงมานอนที่บ้านของตน และก็กอดกันกับอดีตสามี ในช่วงที่ตนไม่อยู่ ที่ผ่านมาตนคบกับสามีมารู้พฤติกรรมสามีว่าค่อนข้างเจ้าชู้
โดยที่ตนเจ็บใจและเสียใจที่สุดคืออดีตสามีโพสต์ข้อความว่า "เอามีผิดคิดจนวันตาย เอาเมียสุข สุขจนวันตาย" อยากถามอดีตสามีว่า คุณรอวันตายมาจน 13 ปีเลยหรอ สร้างฐานะมาด้วยกัน อวดร่ำอวดรวย เอาบ้านของลูกไปโพสต์ขาย 100 ล้านบาท ควรดูให้ดีก่อน ว่าบ้านเป็นชื่อของใคร ต่อมาอดีตสามีเก่าได้ส่งข้อความและคลิปเสียงไปทางไลน์ของเพื่อนที่เป็นพนักงานธนาคาร ฝากให้แคปมาบอกกับตน คลิปเสียงอดีตสามีเสียงสั่นเครือเหมือนร้องไห้ และพูดว่า “พี่เป็นห่วงมนต์นะ” ซึ่งหลังจากนั้นมาก็โพสต์เฟซบุ๊กกันไปมาเหมือนที่เป็นข่าว
ที่ผ่านมาตนไม่ได้พูดและถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนหมา โดยถูกเปรียบเทียบจากฝั่งเพื่อนของฝ่ายหญิง หาว่าตนตามกัดเหมือนหมา ตนอยากถามกลับว่า ตอนที่ตนกับอดีตสามีอยู่กินกันเป็นสามีภรรยา คุณมาอยู่ด้วยไหม ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ท้ายนี้ตนอยากฝ่ายหญิงว่าเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน ควรให้ความเป็นธรรมกับลูกบ้าน ไม่ใช่เอาสามีลูกบ้าน ควรคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าสาเหตุใดเขาถึงจะเลิกกัน เขาสร้างกันมาถึง 13 ปี และหากทั้ง 2 คนฟังอยู่ขอให้มีคุณธรรมและมนุษยธรรม ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ได้ต้องการสามีคืนแล้ว
ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม บอกว่า จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนและคุณมนต์ได้เดินทางไปหาผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ
เพื่อยื่นหนังสือสอบข้อเท็จจริงถึงเรื่องดังกล่าว และได้ฟังจากพยานที่เป็นคนในบ้านของคุณมนต์ ตัวของคุณมนต์เองยืนยันว่าคบกันมาตลอด และมีผู้พบเห็นว่าผู้ใหญ่บ้านท่านนี้ได้มาที่บ้านของคุณมนต์ จากคำให้การของพยานจะนำไปให้ผู้ว่าฯ เพื่อที่จะตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหลักฐาน ตอนนี้ทางตนมีทั้งคลิปเสียงและรูปภาพของทั้ง 2 คน ซึ่งยังไม่ได้เปิดเผย ตนจะนำหลักฐานทั้งหมดนี้ไปสอบข้อเท็จจริง
จากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น คงไม่ได้ดำเนินเรื่องไปถึงชั้นศาล เรื่องการมีชู้ มีกิ๊ก สมมติหากเกิดขึ้นกับคนธรรมดาที่ไม่ใช่ข้าราชการ แทบจะทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากคุณมนต์เองไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ในกรณีนี้ตัวของคู่กรณีเป็นข้าราชการ จึงสามารถร้องเรียนในส่วนของเรื่องวินัยได้ หากดำเนินการสอบสวน แล้วผู้ใหญ่บ้านเป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวแตกแยกกันจริง ๆ จะมีความผิดทางวินัยอย่างแน่นอน และต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
หากทางเจ้าหน้าที่ติดต่อมา ตนจะนำพยานหลักฐานที่เตรียมไว้ทั้งหมดไปยื่นอย่างแน่นอน ซึ่งหลักฐานที่เรามีทั้งคลิปเสียงรูปถ่ายและคลิปวิดีโอการสัมภาษณ์ผ่านสื่อต่าง ๆ สามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ถือว่าละเอียดอ่อน ตนอยากจะแนะนำทางที่ดี หากเราคิดว่าเราจะอยู่กับใครสักคนไปนาน อยากสร้างครอบครัว ควรจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถึงจะรักษาสิทธิ์ที่พึงมีได้ หากใครประพฤติผิดก่อน ก็สามารถฟ้องร้องตามกฎหมายได้