“ปวีณา” เข้าพบพ่อเมืองตรัง หลัง ร.ต.อ.พญาเทครัว ข่มขืนมาราธอน ด.ญ.2 พี่น้อง วัย 12 และ 16 ปี ยาวนาน 2 ปี ผู้การฯ สั่งให้ออกจากราชการแล้ว ด้าน ร.ต.อ.หื่นถูกแจ้ง 4 ข้อหา แต่ยังให้การปฏิเสธ เปิดประวัติมีภรรยาเป็นนักเรียน ม.3 และมีลูกสาวร่วมกันหลายคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลาง จ.ตรัง นางปาวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมคณะได้เดินทางเข้าพบ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง หลังลงพื้นที่ติดตามและช่วยเหลือ หลังจากมียายเด็กเข้าร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณา ว่าหลานสาว 2 พี่น้อง อายุ 12 ปี และอายุ 16 ปี ถูกตำรวจยศ ร.ต.อ. ข่มขืนต่อเนื่องนานนับปี จนเด็กทนไม่ไหวจึงบอกยาย และทางยายได้ขอความเป็นธรรมมายังมูลนิธิปวีณา เพื่อช่วยเหลือหลานสาวทั้ง 2 คน และให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
นางปาวีณา หงสกุล กล่าวว่า เริ่มแรกทางคุณยาย ได้ติดต่อผ่านเฟซบุ๊กว่าหลานถูกกระทำชำเรา จึงขอความช่วยเหลือ เพราะผู้กระทำผิดเป็นตำรวจมียศใหญ่ ส่วนหลานก็ยังอยู่บ้านผู้ก่อเหตุอยู่ จึงได้ประสานไปยัง พมจ. เพื่อนำเด็กออกมาจากบ้านนั้น เมื่อเอาออกมาแล้วให้ทาง พมจ.สอบปากคำเด็กก็ได้บอกว่าโดนอะไรมาบ้าง หลังจากนั้นได้ตกลงกับทางผู้การฯจ.ตรัง ก่อนจะเร่งมือทำการสอบสวน แจ้งความ และตรวจร่างกาย ซึ่งตอนนี้กระบวนการยังไม่สิ้นสุด วันนี้ทางเราลงมาเพื่อที่จะเยี่ยมเด็กด้วย รวมถึงติดตามว่าคุณยายมีความปลอดภัยแค่ไหน
พล.ต.ต.สันทัด วินสน ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า สำหรับพยานหลักฐานก็ได้ระดับหนึ่ง ต้องให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง ต้องมีการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกส่วนหนึ่ง เบื้องต้นทางผู้ก่อเหตุปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล แต่เราก็มีข้อเท็จจริงจากพยานที่เป็นเด็ก และพยานแวดล้อม ส่วนข้อกล่าวหาเราต้องแยกผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี คนหนึ่ง และอายุเกิน 13 ปี รวมแล้ว 3-4 ข้อหา อยากให้สบายใจ ตนทำคดีทุกคดีสามารถตรวจสอบได้ ระยะเวลาก็ต้องขึ้นอยู่กับหลักฐานหรือข้อเท็จจริง ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและเวลา และทุกคดีเรามีความตั้งใจ เรารับรู้เรื่องนี้เมื่อวันที่ 17 ม.ค. เราก็ให้ฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบก่อน หลังจากนั้นก็นัดหมายกับสหวิชาชีพสอบวันที่ 18 ม.ค. ได้ข้อเท็จจริงที่เป็นพยานหลักฐานสามารถขอหมายค้นได้ เราก็ค้น ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านพักหลวงเราก็ค้น ทำตามกฎหมายทุกอย่าง เมื่อพบตัวก็นำตัวมาแจ้งข้อหาในวันรุ่งขึ้นทันที พร้อมตั้งพนักงานสอบสวน และให้ออกจากราชการไว้แล้ว
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง กล่าวว่า เราให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคดีเช่นนี้ เป็นที่สนใจของประชาชน เรามอบให้ทาง ผบก.ภ.จว.ตรังดูแล ส่วนตนก็จะติดตามกำกับดูแล วันนี้ทางยุติธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรม และทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ ก็ให้คำยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่าคดีนี้ไม่เป็นมวยล้มแน่นอน สุดท้ายแล้วในสังคมมีทั้งคนดี และคนไม่ดีอยู่ ถ้าทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
นางนูรียัน นิเต๊ะ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ตรัง กล่าวว่า เรามีการพูดคุยกับเด็ก 2 วัน เมื่อถึงวันที่ 3 เราก็เริ่มใกล้ชิด เริ่มพูดคุยกันมากขึ้นคลายกังวลมากขึ้น เหมือนได้พูดสิ่งที่อยากพูด โดยคนพี่อายุ 16 ปี อยากเรียนหนังสือเพราะไม่ได้เรียนมา 5 ปี แล้วและไม่ได้เรียนต่อ เมื่อเราบอกว่ามีแนวทางในการศึกษาก็ดีใจ เพราะที่ผ่านมาไม่มีปัจจัยที่จะทำให้ได้เรียน อีกเรื่องหนึ่งคือคิดถึงแม่เพราะแม่ถูกต้องโทษที่เรือนจำ จ.ชลบุรี ไม่สามารถเยี่ยมได้ทำได้แค่ส่งเงินและจดหมายไป สำหรับคนน้องอาจจะพูดน้อยลง แต่ก็ยังร่าเริง ไม่มีภาวะเครียด การใช้ชีวิตประจำวันก็ยังปกติดี
ขณะที่ยายของเด็ก อายุ 65 ปี กล่าวว่า อยากให้ดำเนินเรื่องให้สำเร็จ เพราะว่าเป็นตำรวจทำเด็กได้ถึง 2 ปี ข่มขืนได้เป็นปี ใส่ถุงยางอนามัยเรียบร้อย เพื่อป้องกันความผิดก็ทิ้งหมด เด็กอยู่ที่บ้านผู้ก่อเหตุมีความหวาดระแวง เป็นตำรวจรู้กฎหมาย รู้อะไรเป็นอะไร ต้องทำอย่างไร เมื่อเขามาจับจะได้ไม่มีความผิด เพราะทุกอย่างเขาเรียนมาแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับประวัติผู้ต้องหาคือ ร.ต.อ.วิศาล เข้ารับราชการในระดับชั้นประทวน สังกัด สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง และได้มีภรรยาเป็นนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ห้วยยอด ก่อนจะมีลูกสาวด้วยกันจำนวน 3 คน และได้ย้ายไปเป็นตำรวจสังกัด ภ.จว.ภูเก็ต ตำรวจภูธรภาค 8 จนกระทั่งสอบเทียบเท่าได้เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ก่อนจะย้ายมาประจำการที่ สภ.วังวิเศษ จนถึงปัจจุบัน ดูแลรับผิดชอบในงานปราบปรามยาเสพติด