กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก "ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน" โพสต์ภาพและข้อความว่า "นี้สภาพอาหารกลางวันนี้ คือสภาพอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน โรงเรียนวัดท่าเหว ต.ท่าแลง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อย่างมื้อนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวโหรงเหรง กับฝรั่งอีกชิ้น บางวันก็มีแค่กับข้าวอย่างเดียว ไม่มีขนมหรือผลไม้"
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนวัดท่าเหว ต.ท่าแลง อ. ท่ายาง จ.เพชรบุรี พูดคุยกับแม่ครัวของโรงเรียน ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้นักเรียนอนุบาลจะกินข้าวเหลือ จึงปรับเปลี่ยนมาให้ตามความเหมาะสม จากปกติจะมีทั้งขนมและผลไม้ แต่บางคนก็ไม่ชอบผลไม้ ครูก็พยายามฝึกให้นักเรียนกิน
แม่ครัวยังได้ตักข้าวใส่ถาดให้ทีมข่าวเปรียบเทียบว่าอาหารกลางวันของนักเรียนชั้นอนุบาล และนักเรียนชั้นประถมศึกษา แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน หากกับข้าวเหลือก็จะแบ่งใส่ถุงให้นักเรียนที่มีฐานะยากจน นำกลับไปกินที่บ้านกับครอบครัวด้วย
ล่าสุด ครูสาวและครูผู้ช่วยติดต่อมายังทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ขอเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด ครูยอมรับว่าในวันที่ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางลงพื้นที่ไปที่โรงเรียน ตอนนั้นตนตั้งตัวไม่ถูก จึงปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำภาพไปลงโซเชียล แต่วันนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นคนนำภาพนี้ไปเผยแพร่จริง แต่วัตถุประสงค์อยากให้เกิดการแก้ไขปัญหาอาหารกลางวันของนักเรียน พูดตามตรงว่าไม่ได้รับมาตรฐาน เช่น วันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา นักเรียนได้กินข้าวต้มทรงเครื่องมีหมูชิ้นเล็ก ใส่กุ้งแห้งฝอยทีสมสีผสมอาหาร กับขนมวุ้นน้ำตาล โดยในวันนั้นไม่มีเมนูผลไม้เลย
ส่วนเรื่องปริมาณมาก ปริมาณน้อย ตนไม่ได้ติดใจเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ติดใจคือคุณภาพของอาหาร โภชนาการของอาหารที่จะนำไปพัฒนา สมองสติปัญญา และร่างกายของเด็ก โดยเฉพาะเด็กอนุบาลควรจะได้รับมากกว่านี้ ยอมรับว่าตนเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา ไม่ถูกกับผู้อำนวยการโรงเรียน จนเป็นปัญหามาถึงเรื่องการประเมิน การขึ้นเงินเดือนที่ทำให้ครูอนุบาล 1 คนนี้ได้เงินเดือนน้อยที่สุด
ส่วนคุณครูคนอื่นในโรงเรียนยอมรับว่าไม่ได้คุยหรือสุงสิงด้วย สาเหตุก็มาจากที่ตนไม่ถูกกับผู้อำนวยการโรงเรียน ก็ทำให้ครูท่านอื่นไม่อยากคุยด้วย ตนก็เข้าใจ แต่ก็ไม่เกี่ยวกับประเด็นอาหารกลางวันของนักเรียน ล่าสุดพอเกิดเรื่อง หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบ แต่พยายามตรวจสอบว่าใครคือคนแฉเรื่องนี้ แต่ไม่แก้ปัญหาเรื่องอาหารกลางวันของเด็ก ตนจึงอยากออกมาพูดกับทีมข่าวอมรินทร์อีกครั้ง และยังถูกกดดันจากชาวบ้านให้ออกจากโรงเรียน
ล่าสุด นักเรียนบางคนไม่มาโรงเรียนเพราะครูเป็นผู้สอน พ่อแม่เกลียดครู ครูในโรงเรียนไม่มีใครคุยด้วย ผู้อำนวยการก็ไม่เรียกไปพูดคุยหรือชี้แจงใด ๆ ทั้งสิ้น จนตอนนี้ครูอนุบาล 1 ตกเป็นจำเลยของโรงเรียนและจำเลยของสังคม ทั้งที่เรื่องที่ควรจะแก้ไขไม่แก้ไข แต่กลับพยายามหาคนแฉเรื่องนี้
โดยคลิปวิดีโอที่ครูผู้ช่วยตั้งใจถ่ายให้กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีดูว่าอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนโรงเรียนเป็นอย่างไร แต่บังเอิญมีนักเรียนคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า "เหมือนข้าวหมาเลยครู" ซึ่งแตกต่างจากอาหารกลางวันของโรงเรียนอื่นเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ มีหลักฐานเสียงผู้ปกครองที่พูดคุยกับครู เล่าถึงวันที่เกิดเหตุที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปทำข่าว เสียงผู้ปกครองบอกว่า ในวันนั้นแม่ครัวเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ไปตามชาวบ้านให้มาขับไล่ครูผู้สอนคนนี้ บางคนก็ยอมไปบางคนก็ไม่ยอมไป บอกว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย ขณะที่เสียงของผู้ปกครองยังบอกอีกว่าเคยเห็นแม่ครัวนำกับข้าวมาทำที่บ้าน แล้วก็แบ่งส่วนหนึ่งไว้กินเอง และไว้กินกับชาวบ้าน อีกส่วนหนึ่งนำไปทำให้เด็กนักเรียนกิน
ครูผู้ช่วย เปิดใจว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้ก็มีเพื่อนส่งข้อความมาบอกว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับครูสาวอนุบาล 1 คนนี้ เพราะเป็นคนนิสัยไม่ดี ตนก็ได้รับทราบข้อมูลมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาฝึกสอนที่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว แต่ไม่ได้ตัดสินใครที่คำพูดคนอื่น จึงไม่ได้อคติกับครูอนุบาล 1 พอมาได้เป็นครูผู้ช่วยก็พบว่าครูอนุบาล 1 เป็นคน ดีจากตนที่ไม่มีประสบการณ์ คุณครูท่านนี้ก็คอยบอกคอยสอน ยอมรับที่ผ่านมาถูกผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกเข้าไปตักเตือนอยู่บ่อย ถึงการคบหาเป็นเพื่อนกับครูอนุบาล 1 ซึ่งตนก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือการสอนและดูแลนักเรียนมากกว่า
ตอนแรกไม่คิดว่าจะส่งผลกระทบมากมายแต่พอผลประเมินผลปลายปีออกมา กลับพบว่าครูผู้ช่วยและครูสาวอนุบาล 1 ถูกประเมิน ให้คะแนนต่ำที่สุด และได้เงินเดือนขึ้นน้อยที่สุดของโรงเรียน ตนยังเคยเข้าไปพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนถึงมาตรฐานในการประเมินครู ปรากฏว่าผู้อำนวยการกลับบอกว่าให้เลือกเอาระหว่างจะให้ประเมินต่อหรือจะไปสอบใหม่ ซึ่งก็ทำให้ตนรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมของบุคลากรของโรงเรียนแห่งนี้ ล่าสุดพอมีเรื่องอาหารกลางวันนักเรียนไม่ได้มาตรฐาน จึงอยากเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะเพราะทราบดีว่าถึงอย่างไรผู้อำนวยการและครูท่านอื่นก็ไม่พูดคุยด้วยกับทั้งสองคน
ทีมข่าวเดินทางมาที่ บ้านพักแม่ครัวโรงเรียน อายุ 53 ปี สอบถามลูกสาวของแม่ครัว ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการโรงเรียนกำลังอยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง อยากจะให้ตรวจสอบให้เสร็จก่อน นอกจากนี้ ข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ยังมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งทำให้แม่ครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่ทำอาหารมากว่า 13 ปี และสาเหตุที่แท้จริงนั้นมาจากความขัดแย้งภายในโรงเรียนระหว่างครูกับบุคคลากรท่านอื่น ทางแม่ครัวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีที่พาดหัวข่าวว่าแม่ครัวยกพวกไปต่อว่าครูนั้นไม่เป็นความจริง เพราะวันนั้นครูมีการพูดใส่ร้าย ทุกคนจึงออกมาแสดงตัว เพื่อปกป้องโรงเรียน ไม่เป็นไปตามความจริงที่มีคลิปเสียงชัดเจน