กรณี ตำรวจ สภ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง รับแจ้งมีเหตุลูกเขยยิงพ่อตาได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุเกิดที่ บ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.เขาปู่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายควนขนุน – เขาปู่ จึงรุดไปตรวจสอบพบว่าหน้าบ้านหลังดังกล่าว มีกองเลือดอยู่หน้าห้องนอนหลายกอง และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 5 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว และเศษหัวกระสุนจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไปเป็นหลักฐานการสืบสวนสอบสวนต่อไป
ทั้งนี้ ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายสมศักดิ์ รัตนทอง อายุ 69 ปี เจ้าของบ้านถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่บริเวณศีรษะ 1 นัด หน้าอก 2 นัด ไหล่ด้านขวา 1 นัด และขาขวา 1 นัด รวม 5 นัด ส่วนนางสาวเตือนใจ หนูจุ้ย อายุ 52 ปี ภรรยาผู้ตาย ถูกกระสุนปืนที่กระเด็นจากพื้นเข้าที่บริเวณขาซ้าย 1 นัด ขณะที่คนก่อเหตุ นายพีรพัฒน์ วรศรี หรือ พิศ อายุ 41 ปี ชาว ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง หลังจากก่อเหตุได้ขับรถกระบะสีดำ 4 ประตู ทะเบียน กจ.9987 พัทลุง หลบหนีไป
ล่าสุดวันที่ 23 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังหมู่ที่ 5 ต.เขาปู่ อ.ศรีบรรพต จ.พัทลุง หรือบ้านที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสีน้ำตาล อยู่ติดกับถนนสายควนขนุน-เขาปู่ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มีการล้างทำความสะอาดคราบเลือดแล้ว แต่ประตูบ้านหลังนี้เป็นกระจก ทำให้มีร่องรอยของกระสุนปืนเจาะทะลุเป็นรู และกระสุนปืนยังยิงโดนพื้นรวมถึงโครงประตูซึ่งเป็นอะลูมิเนียมเป็นรอยบุบ
หลังจากที่ นายสมศักดิ์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลแล้ว ครอบครัวได้รับกลับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจังหวัดชุมพร ขณะที่นางสาวเตือนใจ ภรรยาของคนตาย ถูกกระสุนยิงถากได้รับบาดเจ็บบริเวณขาซ้าย เย็บ 4 เข็บ ขณะนี้ไม่ได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพราะดำเนินเรื่องติดต่อรับศพสามีกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
นางสาวชรินรัตน์ สุกยัง หรือ ควีน อายุ 25 ปี ลูกสาวนายสมศักดิ์ ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ พาทีมข่าวไปดูความเสียหายของตัวบ้าน เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายพีรพัฒน์ ในฐานะลูกเขย เข้ามาที่บ้านในช่วงเวลาประมาณ 21.45 น. เพราะก่อนหน้านี้นายพีรพัฒน์ ได้มารับลูกชายวัย 2 ขวบ ไปเที่ยว 1 คืน และเมื่อครบกำหนดจึงพาลูกชายมาส่งคืนที่บ้าน แต่ในมือก็ถืออาวุธปืนมาด้วย
เมื่อเข้ามาถึงบ้านได้ตรงเข้าไปที่ห้องนอนของนางสาวกวาง อดีตภรรยาของนายพีรพัฒน์ ซึ่งทั้งคู่เลิกรากันแล้ว แต่เวลานายพีรพัฒน์ คิดถึงหรืออยากจะพาลูกไปเที่ยว ก็จะแวะมารับ เช่นเดียวกับเหตุการณ์คืนที่เกิดเหตุ นายพีรพัฒน์นำลูกชายมาคืน แต่เมื่อไปถึงหน้าห้องของนางสาวกวาง ปรากฏว่านางสาวกวาง ไม่ได้เปิดประตูออกมาพูดคุยด้วย เพราะตอนนั้นมีพ่อตาแม่ยาย นอนดูทีวีอยู่ในห้องแต่นางสาวกวาง ออกไปทำธุระห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งตอนนั้นตนเห็นว่านายพีรพัฒน์ ต้องการเจอตัวนางสาวกวาง เพื่อจะนำลูกมาส่ง ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหานางสาวกวาง ที่กำลังทำธุระอยู่ เพื่อให้รีบกลับมา เพราะนายพีรพัฒน์ อ้างว่าหากไม่เจอนางสาวกวาง ก็จะยังไม่ส่งลูกคืน ตนจึงต้องติดต่อและเร่งให้นางสาวกวางกลับมาที่บ้านให้เร็วที่สุด
ในระหว่างนั้น นายพีรพัฒน์ได้ไปเขย่าประตูห้องนอน แต่ปรากฏว่ากลอนประตูเสีย ทำให้นายพีรพัฒน์ เปิดประตูห้องไม่ได้ และยืนส่งเสียงโวยวายอยู่ที่หน้าบ้าน พ่อตาที่นอนดูทีวีอยู่ในห้อง จึงได้เดินออกมาและมาพูดคุยกับนายพีรพัฒน์ว่า “คุยกันดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องส่งเสียงดัง และไม่ต้องพูดจาข่มขู่กันแบบนี้ เวลามาก็ไม่ต้องเอาปืนมาก็ได้” หลังจากที่พ่อตาตักเตือนนายพีรพัฒน์ ไม่นานก็ถูกกระหน่ำยิงนอนจมกองเลือด ส่วนแม่ยายก็ถูกกระสุน ยิงเข้าที่ขาซ้ายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการกระทำที่รุนแรงต่อหน้าเด็กวัย 2 ขวบที่ยังอุ้มลูกอยู่ในมือ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายพีรพัฒน์ ก่อเหตุแล้วก็ได้หลบหนีขับรถกระบะออกไป แต่ไม่ได้คืนตัวหลานให้กับครอบครัว จนถึงตอนนี้ทุกคนในบ้านก็มีความเป็นห่วงเด็ก จึงอยากจะให้นายพีรพัฒน์ นำหลานมาส่งคืน และมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พ่อของตนถึงแก่ความตาย และหลังจากที่มอบตัวแล้ว ตนก็อยากจะให้เอาผิดให้ถึงที่สุด และต้องรับโทษสูงสุด เพราะชีวิตคนไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้
ในเวลาต่อมา พ.ต.ท.เกษม ขวัญสุด รองผกก.สส.สภ.ศรีบรรพต สืบทราบและนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ายึดรถกระบะสีดำ หลังจากนายพีรพัฒน์ ผู้ก่อเหตุ นำไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 9 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านของนายวิรัตน์ รามหนู อายุ 51 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลชุมพล อ.ศรีนครินทร์ ตรวจสอบเบื้องต้นพบป้ายทะเบียนด้านหลังรถถูกถอดออก ส่วนด้านหน้าปิดป้ายทะเบียนปลอม หมวดจังหวัดกรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีบรรพต จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เข้าเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อประกอบสำนวนคดี พร้อมตรวจสอบภายในรถพบป้ายทะเบียนจริง กจ 9987 พัทลุง เหน็บไว้เบาะหลังคนขับ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นายวิรัตน์ กล่าวว่า เมื่อคืนเวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้ก่อเหตุขับรถกระบะคันดังกล่าวมาจอดข้างบ้าน พร้อมกับอุ้มลูกชายมาเคาะประตูเรียกให้ตนไปส่งที่ตัวเมือง แต่ตนไม่ได้ไปส่ง เพราะตนขับรถกลางคืนไม่ถนัด จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ยืมรถจักรยานยนต์ขี่ออกไปพร้อมลูกชาย กระทั่งตอนเช้าตนพบรถจักรยานยนต์จอดอยู่ แต่ตนไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุให้ใครมารับ และตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าผู้ก่อเหตุหนีคดีมา เพิ่งจะมาทราบตอนเช้าหลังตำรวจตามมายึดรถกระบะ
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ ช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ 21.40 น. พบว่ามีกล้องวงจรปิดบริเวณที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 2 หลัง จับภาพวินาทีรถกระบะ 4 ประตูสีดำ ซึ่งมีนายพีรพัฒน์ คนก่อเหตุ เป็นคนขับ และด้านข้างมีลูกชายวัย 2 ขวบ นั่งโดยสารมาด้วย ขับผ่านกล้องวงจรปิดดังกล่าว และมีลักษณะเปิดไฟเลี้ยวซ้าย เพื่อจะเลี้ยวเข้าไปที่บ้านที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะไปก่อเหตุยิงพ่อตาและแม่ยาย
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 21.45 น. กล้องวงจรปิดซึ่งอยู่อีกฝั่งของบ้านที่เกิดเหตุ จับภาพมุมไกลคาดว่าหลังจากที่ก่อเหตุยิงพ่อตาและแม่ยายแล้ว ได้ยืนพูดคุยก่อนที่จะขึ้นรถ ซึ่งจะเห็นคนในกล้อง 2-3 คน หนึ่งในนั้น คือ นายพีรพัฒน์ ที่เพิ่งก่อเหตุยิงเสร็จแล้วยืนอยู่ข้างรถกระบะ ก่อนที่จะขึ้นรถกระบะสีดำ พร้อมกับลูกชายวัย 2 ขวบ ถอยรถออกจากบริเวณลานหน้าบ้าน และขับผ่านกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวไปอีกทาง มุ่งหน้าไปที่ตำบลบางขัน อำเภอศรีนครินทร์ ซึ่งไม่ได้กลับทางเดิมซึ่งเป็นจุดที่ผ่านกล้องวงจรปิดจุดแรก
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านของนายพีรพัฒน์ จึงได้พบกับ นางบุญยิ่ง พลัดตองบุญ อายุ 77 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุ ลูกชายขับรถมาส่งตนที่บ้าน จากนั้นก็บอกว่าจะออกไปรับแฟนสาว เพื่อจะพากันออกไปเที่ยวกัน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าแฟนใหม่คนปัจจุบันที่คบหากันอยู่ หรืออดีตแฟนสาวซึ่งเป็นแม่ของเด็ก หลังจากเกิดเหตุตนเพิ่งมารู้ภายหลังว่าลูกชายบุกไปที่บ้านของแฟนเก่า และไปก่อเหตุยิงพ่อตาแม่ยาย แต่หลังจากที่ก่อเหตุแล้วลูกชายก็ไม่ได้กลับมาที่บ้าน ทราบเพียงว่านำรถไปจอดทิ้งเอาไว้ที่บ้านญาติ ก่อนที่จะหลบหนีไป และพาลูกชายวัย 2 ขวบ หนีหายไปด้วย
ส่วนสาเหตุตนก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่อาจเป็นเพราะลูกชายถูกฝ่ายหญิงบอกเลิกและหย่าร้างหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็เห็นไปมาหาสู่กันดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะปากเสียงกัน ตนก็ยังรู้สึกงง ๆ เหมือนกัน แต่เรื่องที่ลูกชายมีผู้หญิงอื่นนั้น ตนก็ยอมรับว่าช่วงระยะหลังลูกชายมีคนอื่นจริง แต่การมีคนอื่นก็ไม่ได้ทำให้ลูกชายกับตัวแม่เด็กทะเลาะกัน เพราะตอนที่ลูกชายพูดคุยกับผู้หญิงอีกคน แม่ของเด็กก็ยังไปมาหาสู่และมานอนอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ตนคิดว่าคงมีการพูดคุยกันแล้ว แต่ในเรื่องของอาวุธปืนนั้น เป็นปืนที่มีใบอนุญาต เพราะลูกชายเป็นอดีตทหารพราน สามารถที่จะครอบครองปืนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และพฤติกรรมของลูกชายก็มักจะพกปืนไปไหนมาไหนเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนใหญ่ก็เพื่อป้องกันตัว
ดังนั้น ตนก็อยากให้ลูกชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ ซึ่งตนก็อยากรู้ความจริงเหมือนกัน และหากมีการมอบตัวหรือถูกจับแล้ว ก็ยังไม่มีแนวทางว่าจะประกันตัวหรือไม่ เพราะขณะนี้เรื่องของทรัพย์สินเงินทองตนก็ไม่ได้มี ฉะนั้นต้องรอดูและพูดคุยกับญาติ ๆ ก่อน และหากลูกชายดูข่าวอยู่ ตนก็อยากจะฝากบอกว่า "เข้ามามอบตัว สู้คดีนะลูก" อย่างไรก็ตาม ในฐานะแม่ตนอยากจะฝากขอโทษแทนลูกชาย แต่คงไม่สามารถที่จะไปร่วมงานศพได้ เพราะเชื่อว่าครอบครัวของคนตายก็คงไม่ต้อนรับ
นางสาววรรณิดา ไชยหยู หรือ บิว อายุ 36 ปี ลูกสาวคนโตของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติแล้วนายพีรพัฒน์ มักจะมีพฤติกรรมบุกเข้ามาที่หน้าบ้าน เพื่อนำอาวุธปืนมาข่มขู่แบบนี้เป็นประจำ เฉลี่ยใน 1 เดือน ก็มากกว่า 2 ครั้ง ซึ่งการมาแต่ละครั้งก็จะมีอารมณ์ฉุนเฉียว เพราะนายพีรพัฒน์ ไม่ต้องการให้นางสาวกวาง น้องสาวของตนไปมีผู้ชายคนใหม่ แต่นายพีรพัฒน์ก็ได้เลิกรากับน้องสาวไปแล้ว ก่อนจะไปมีแฟนใหม่ ตนก็ไม่คิดว่าเขาจะทำตัวลักษณะห่วงก้างเช่นนี้ เพราะที่ผ่านมา ตนยอมรับว่าน้องสาวรักนายพีรพัฒน์มาก ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ตบแต่งตามพิธีอย่างถูกต้อง แต่ก็ให้ความรักอย่างเต็ม 100 ก่อนที่จะตัดสินใจจดทะเบียนสมรส ซึ่งบ้านของตนก็ไม่ได้ติดขัดอะไร เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจของน้องสาว
แต่หลังจากที่เริ่มคบหากันเมื่อปี 2561 มีลูกด้วยกัน 1 คนวัย 2 ขวบ ทั้งคู่ก็ย้ายไปอยู่กินด้วยกัน กระทั่งช่วงปี 2562 เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับบุคคลที่ 3 แต่น้องสาวก็ยังทนอยู่ เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น จนวันนึงจับได้ว่านายพีรพัฒน์ แอบไปมีผู้หญิงอื่น แต่น้องสาวก็ยังทนอยู่ เพราะกังวลเรื่องของลูกชายว่าจะมีปัญหา แต่เรื่องราวก็เริ่มหนักข้อ เพราะนายพีรพัฒน์ นำผู้หญิงใหม่เข้าบ้าน และให้อยู่กินกันโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้น้องสาวตัดสินใจหย่าเมื่อปี 2563 จากนั้นก็ได้รับตัวลูกชายวัย 2 ขวบ กลับมาอยู่ด้วยที่บ้าน แต่ก็ยังอนุญาตให้นายพีรพัฒน์ สามารถแวะมาเยี่ยมหรือรับลูกชายไปเที่ยวได้ในฐานะที่เป็นพ่อ ส่วนน้องสาวตนก็กลับมาอยู่ที่บ้านกับครอบครัว
แต่ช่วงปี 2564 นายพีรพัฒน์ก็เริ่มที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับคนที่บ้าน และตามราวีไม่ต้องการที่จะให้นางสาวกวางแยกกันอยู่แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็หย่ากันไปแล้ว ซึ่งนายพีรพัฒน์ มักจะพกพาอาวุธปืนบุกมาที่หน้าบ้านเพื่อข่มขู่หลายต่อหลายครั้ง และการบุกมาแต่ละครั้งก็ใช้อาวุธปืนขู่ให้น้องสาวขึ้นรถออกไปด้วย คนในบ้านก็ไม่มีใครกล้าขัดขวาง เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย เป็นพฤติกรรมที่คนในบ้านพบเห็นเป็นประจำ กระทั่งครั้งหนึ่งได้ตัดสินใจอัดคลิปเอาไว้ นายพีรพัฒน์บุกมาที่หน้าบ้านพร้อมกับอาวุธปืน และพาน้องสาวตนออกจากบ้านไป แต่ละครั้งน้องสาวก็มักจะโดนทำร้ายร่างกาย ตบตี ซึ่งก็เป็นพฤติกรรมที่น้องสาวต้องพบเจอมาโดยตลอด