จากกรณีนักร้องหนุ่มชื่อดัง เจ เจตริน วรรธนะสิน โพสต์คลิปขณะที่ตัวเองกับภรรยา ปิ่น เก็จมณี นั่งพูดคุยกับผู้พิการทางสายตาคนหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนส่งคลิปชายผู้พิการทางสายตา ร้องเพลงของเจตริน เป็นแฟนตัวจริง ในที่สุดแฟนคลับผมก็ช่วยตามหากันจนเจอ ได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับแก จึงขอมอบสิ่งของให้แกได้ไว้ใช้ทำมาหากิน และปัจจัยจำนวนนึงให้นำไปปลดหนี้บางส่วน
วันที่ 31 ธ.ค. 61 ที่บ้านเช่าข้างวัดสุนทรสถิต หรือ วัดอำแพง จ.สมุทรสาคร
นายเสถียร ศรีโสภา ผู้พิการตาบอด ผู้ได้รับความช่วยเหลือ เปิดเผยว่า ชีวิตของตนลำบากมาก ขณะนี้ต้องอยู่ห้องเช่ารวมค่าน้ำ ค่าไฟ โดยมีค่าใช้จ่ายรวมแล้วต่อเดือนไม่ต่ำว่า 3,000 บาท แต่ก่อนภรรยา ตนเคยเปิดร้านขายส้มตำไก่ย่าง แต่ต่อมาภรรยาล้มป่วยไม่สามารถทำงานได้ ตนเองจึงต้องเดินร้องเพลงหาเลี้ยงครอบครัว ภรรยาที่ป่วย ลูกสาวอีก 2 คน โดยลูกสาวคนโต อายุ 18 ปี ทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ ก็ต้องออกจากงานมาดูแลแม่ ส่วนลูกสาวอีกคนอายุ 13 ปี ยังเรียนหนังสือ แต่ก็จะออกไปรับจ้างช่วงวันเสาร์ อาทิตย์บ้าง
นายเสถียร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนค้างค่าเช่าบ้านกับเจ้าของไว้ 3 เดือนแล้ว ได้แต่ผ่อนเดือนละ 500 - 800 บาท ซึ่งตนจะออกไปร้องเพลงทุกวัน แต่หากวันไหนฝนตกก็จะไม่สามารถออกไปได้ ส่วนสภาพบ้านที่อยู่ตอนนี้ บางคืนฝันตกหลังคารั่ว พื้นก็ทรุด
นอกจากนี้ ตนตาบอดตั้งแต่กำเนิด ภายในดวงตาไม่มีลูกตาอยู่ ทุกเช้าต้องตื่นตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อไปต่อรถสองแถว ขึ้นรถเมล์ ไปร้องเพลงที่สวนจตุจักร ได้เงินบางครั้งก็ 500 บาท สูงสุดก็ 1,500 บาท แต่บางวันไม่ได้เลยก็มี ตนเองชอบร้องเพลง จึงเดินร้องเพลงแบบนี้มา 30 ปีแล้ว
นายเสถียร กล่าวต่อว่า ส่วนที่ เจ เจตริน มาช่วยนั้น ตอนแรกตนไม่รู้เรื่องว่ามีผู้ถ่ายคลิปตนร้องเพลงของพี่เจไปลง กระทั่งเลขาของพี่เจโทรศัพท์มานัด บอกว่าพี่เจอยากเจอ ขณะนั้นตนก็ไม่คิดว่าจะเป็นจริง เพราะ เจ เจตรินเป็นนักร้องดังจะมาหาคนตาบอดอย่างตนทำไม แต่เมื่อพบกับพี่เจเป็นครั้งแรก พี่เจก็เดินเข้ามาจับมือ พร้อมให้กำลังใจ ส่วนพี่ปิ่น ก็มาจับมือตนให้กำลังใจตนด้วยเช่นกัน ขณะนั้นตนรู้สึกตื้นตัน จนน้ำตาไหลออกมา เพราะจำเสียงของทั้งคู่ได้ และเป็นเหมือนเทวดามาโปรด พร้อมช่วยเหลือให้เงินใช้หนี้ 10,000 บาท และให้ลำโพงกับไมค์ชุดใหม่
ด้าน
นางพิน กุสารัม ภรรยาของนายเสถียร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกสงสารสามีที่ตาบอดแล้วยังต้องมาร้องเพลงหาเลี้ยงตนอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้สามีตนไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรขนาดนี้ ตั้งแต่ที่อยู่กันมาเกือบ 30 ปี สามีมีแต่เติมกำลังใจ และความรักให้ ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้ง ยามเจ็บป่วยก็ดูแล แต่ตนกลับเป็นฝ่ายมาทรุดเพราะโรครุมเร้า หลังรอดตายมาจากห้องไอซียู ตนก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
นางพิน กล่าวต่อว่า หลังพี่เจเข้ามาช่วยเหลือ ก็ถือว่าเป็นบุญ และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับครอบครัว เพราะพี่เจเข้ามาช่วยในช่วงที่แย่ที่สุด กระทั่งข้าวสารกรอกหม้อให้ลูกกินยังไม่มี ต่อจากนี้ตนขอให้พี่เจ และครอบครัวมีแต่ความสุข รวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย