กรณีเหตุระทึกโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ในช่วงค่ำของวันที่ 24 ม.ค.65 ที่ผ่านมา คนร้ายบุกชิงทองภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ทองรูปพรรณไปจำนวน 23 บาท และใช้อาวุธปืนยิงเปิดทางเพื่อหลบหนี ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายนพรุจ สุขเสถียร อายุ 40 ปี ชาว ต.นาเกาะ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ระดมกำลังติดตามพร้อมเชิญตัวญาติ ๆ มาสอบสวน กระทั่งคนร้ายยอมติดต่อขอเข้ามอบตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค.65 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน ผู้บัญชาการตำรวจภาค6 (ผบช.ภ.6) เปิดเผยว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจได้ระดมกำลังปิดล้อมเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี พร้อมทั้งตรวจเช็กจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งเผยแพร่ภาพคนร้ายในโซเชียลฯ เพื่อให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแส กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายนพรุจ จึงได้นำกังลังไปตรวจสอบที่บ้าน แต่ไม่พบจึงได้เชิญตัวญาติ ๆ มาสอบสวนที่สภ.หล่มสัก และได้ใช้กำลังกดดันในพื้นที่ กระทั่งในช่วงเช้าคนร้ายได้ติดต่อผ่านกำนันตำบลนาเกาะว่าจะเข้ามอบตัว
นายนพรุจ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอ้างว่า ตนเป็นผู้ก่อเหตุจริงและก่อเหตุเพียงคนเดียวโดยได้ดูลาดเลาและเส้นทางการหลบหนีไว้แล้ว ก่อนจะลงมือก่อเหตุในช่วงเย็นด้วยการขี่รถจักรยานยนต์สีขาว-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดในที่จอดรถของห้างฯ จากนั้นได้เดินเข้าไปในห้างฯ ทำทีกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่อยู่หน้าร้านทอง เมื่อสบโอกาสจึงเดินเข้าไปและใช้ปืนสั้นไทยประดิษฐ์ จี้พนักงานแต่พนักงานไม่ได้ยิน จึงกระโดดขึ้นเคาท์เตอร์พร้อมกระชากทองรูปพรรณไปจำนวนหนึ่ง ภายหลังทราบว่าจำนวน 23 บาท
จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป แต่ระหว่างที่วิ่งออกจากห้างฯ ประตูปิดอยู่ จึงใช้ด้ามปืนกระแทกอย่างแรกจนประตูเปิด จากนั้นจึงวิ่งไปขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอยู่กลางทุ่งนา กระทั่งทนการกดดันของตำรวจไม่ไหว จึงติดต่อขอเข้ามอบตัวดังกล่าว ส่วนสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุ เนื่องมาจากประกอบอาชีพรับซื้อมะขามหวาน แต่ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา ธุรกิจขาดทุนจึงไปกู้เงินเป็นหนี้จำนวนมาก ทั้งนี้ ก่อนที่จะลงมือก็ได้ไปพูดคุยกับภรรยา ซึ่งภรรยาก็ได้ห้ามแล้ว แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ในเบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ โดยข้อหานี้มีอัตราโทษจำคุก 10–15 ปี นอกจากนั้นยังมีข้อหาตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน และใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร
ด้านภรรยาของคนร้าย กล่าวว่า ตนและสามีมีหนี้เงินกู้รายหลายและส่งแต่ละวันจำนวนมาก เพราะกู้นำมาลงทุนทำธุรกิจ แต่เนื่องจากเจอพิษโควิด-19 จึงทำให้ขาดทุนไม่มีเงินไปใช้หนี้ เจ้าหนี้ก็มาทวงทุกวัน แต่ก็ไม่คิดว่าสามีจะมาก่อเหตุเช่นนี้ เพราะตั้งแต่เมื่อวานตนก็ติดต่อไม่ได้เลย และหลังก่อเหตุสามีก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย กระทั่งมาทราบข่าวช่วงค่ำว่าสามีไปก่อเหตุดังกล่าว
นายมนัญชัย ตรีสุข กำนันตำบลนาเกาะ อ.หล่มสัก ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุได้มีการแชร์ภาพคนร้ายในโซเชียลฯ ตนก็จำได้ทันที เพราะเป็นลูกบ้าน จึงได้ไปตรวจสอบที่บ้านแต่ก็ไม่พบแต่อย่างใดกระทั่งรุ่งเช้าคนร้ายได้ติดต่อให้ตนพาเข้ามอบตัว และจากการพูดคุยทราบว่ามีหนี้เงินกู้รายวันจำนวนมาก แลจะต้องหาเงินใช้หนี้วันละหมื่นกว่าบาท จึงเกิดความเครียดและตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว สำหรับผู้ต้องหารายนี้นิสัยดีมาก ขยันทำมาหากิน และเป็นคนรักครอบครัว ตนก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุดังกล่าวได้