กรณีนายธนากร อัครปิยโภคิน อายุ 53 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับทางนางสาวจุฑามาศ สีแจ้ง หรือ หญิง อายุ 37 ปี ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมนำหลักฐานที่มีการพูดกันในโลกออนไลน์ ที่มีการยืมเงินไปทำธุรกรรมรับมอบกรรมสิทธิ์ที่ดิน และยืมไปเดินเรื่องนำโฉนดไปกู้เงินกับธนาคาร และจะนำเงินมาคืน รวมทั้งสิ้น 3 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีคลิปกล้องวงจรปิดจับภาพรถยนต์ที่พานางจุฑามาศหลบหนี หลังมีการติดต่อมาของยืมเงินอีก 2 แสนบาท หลังจากอ้างว่าจะเอาโฉนดที่ดินเพื่อเป็นการชดใช้หนี้ แต่สุดท้ายได้เงินไปแล้วหนี ปิดโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้
ขณะที่กล้องวงจรปิดใกล้กับบ้านที่ น.ส.จุฑามาศ ให้นายธนากรมาส่ง เวลา 09.43 น. จับภาพรถเก๋งสีดำขับผ่าน ซึ่งคาดว่าเป็นรถที่น.ส.จุฑามาศ นั่งหลบหนีไป หลังให้ฝ่ายชายมาส่งจุดที่อ้างว่าเป็นบ้านย่า
วันที่ 27 ม.ค. 65 นายธนากร อัครปิยโภคิน อายุ 53 ปี ผู้เสียหาย เปิดใจหลังเข้าเจรจาต่อหน้าพนักงานสอบสวน ระบุว่า ล่าสุดได้มีการทำข้อตกลงให้ฝ่ายหญิงผ่อนจ่ายเงินที่ยืมไปรวม 2.2 ล้านบาท ผ่อนจ่ายเดือนละ 100,000 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ตนขอยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เงินที่ตนให้ฝ่ายหญิงไปเป็นการยืม ไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ตรงนี้ต้องแยกกัน มีทั้งส่วนที่ตนให้ไปใช้จ่ายจริง แต่อีกส่วนฝ่ายหญิงอ้างว่ามีที่ดินมรดกจากย่า จำนวน 2.5 ไร่ ประเมินราคาสูงถึงหลัก 100 ล้านบาท ตอนแรกยืมเงินตนไปจ่ายภาษีที่ดินจำนวน 300,000 บาท จากนั้นอ้างว่าต้องทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดิน ต้องจ่ายใต้โต๊ะอีกหลักแสนบาท หลังจากนั้นก็อ้างเรื่อยมาว่าจะโอนที่เป็นของตัวเอง แล้วนำไปขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งจะได้ประมาณ 10 ล้านบาท
ซึ่งตนก็ให้อีกฝ่ายยืมไปรวมจำนวนเงินประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งครั้งสุดท้ายเมื่อวานนี้ 26 ม.ค. น.ส.จุฑามาศ ยืมเงินตน 200,000 บาท พร้อมบอกให้ตนขับรถพาไปบ้านย่า และให้ตนรออยู่หน้าบ้าน อ้างว่าจะเข้าไปเอาโฉนดที่ดิน โดยไม่ให้ตนเข้าไปด้วย เพราะย่าไม่ชอบให้พาผู้ชายเข้าบ้าน ตนก็จอดรถรออยู่ข้างนอก จนรออยู่นาน สังเกตว่ามีรถเก๋งสีดำขับเข้าไปจากอีกฝั่ง จึงลองโทรศัพท์หาน.ส.จุฑามาศ ปรากฏว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง ตนจึงรู้ตัวว่าโดนหลอก
นายธนากร กล่าวต่อว่า เงินที่ให้ฝ่ายหญิงยืมไป ส่วนใหญ่ก็ไปหยิบยืมมาจากญาติ ตนจึงอยากได้เงินคืน การที่อีกฝ่ายอ้างว่าตนเปย์ให้นั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครเปย์ให้ครั้งละ 300,000-500,000 บาทแน่นอน ส่วนที่ฝ่ายหญิงอ้างว่าเพิ่งจะหลับนอนกันเมื่อวันอังคาร แต่วันพุธตนกลับเข้าแจ้งความนั้น มองว่าฝ่ายหญิงก็วางแผนเอาไว้แล้ว พยายามเข้ามาตื๊อขอยืมเงินจากตน ตนยอมให้ไปเพราะหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถขายที่ดิน เพื่อเอาเงินมาคืนตัวเองได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่าพลาดเอง มองว่า น.ส.จุฑามาศ ตั้งใจมาหลอกเอาเงินจากตนอยู่แล้ว ส่วนที่อีกฝ่ายอ้างว่าตัวเองหลอกว่าไม่มีครอบครัวก็ไม่เป็นความจริง ตนบอกไปตั้งแต่แรกว่ามีลูกมีเมียแล้ว อีกฝ่ายก็บอกว่ารับได้ จึงพูดคุยกันเรื่อยมา
เวลา 13.00 น. ที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี นายธนากร และ น.ส.จุฑามาศ เข้าเจรจาไกล่เกลี่ยต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ห้องสืบสวน เวลา 14.00 น. ทั้ง 2 คนออกมาจากห้องสืบสวน เพื่อเข้าไปสอบปากคำที่ห้องสอบสวน ระหว่างที่เดินออกมาจากห้องสืบสวน ทีมข่าวพยายามสอบถาม น.ส.จุฑามาศ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้หลอกยืมเงินฝ่ายชาย แต่อีกฝ่ายให้มาด้วยความเต็มใจ ทั้งยังบอกว่าขอให้ฝ่ายชายพูดความจริง เพราะเพิ่งจะไปนอนด้วยกันมาเมื่อวันอังคาร แต่วันพุธกลับถูกแจ้งความ
ต่อมาเวลา 15.30 น. นางสาวจุฑามาศ ออกมาจากห้องสอบสวน พร้อมกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตนคบหากับนายธนากร มาประมาณ 2 ปีแล้ว ไปมาหาสู่กันฉันท์สามีภรรยา ที่ผ่านมายอมรับว่าอีกฝ่ายให้เงินตนจริง แต่เป็นการให้เปล่า ไม่ได้ขอยืม เนื่องจากบางครั้งตนมีปัญหาทางการเงิน อีกฝ่ายก็จะให้ตนมาเพื่อจัดการกับปัญหา โดยปกติอีกฝ่ายก็จะโอนเงินมาให้ใช้จ่าย ไม่ได้มีจำนวนตายตัว
อย่างครั้งล่าสุด เมื่อวานนี้ 26 ม.ค. ยอมรับว่าฝ่ายชายให้เงินตนมา 200,000 บาท เพราะตนบอกว่ามีปัญหาหนี้สิน และเงินก้อนใหญ่ที่สุดที่ฝ่ายชายเคยให้อยู่ที่ 300,000 บาท เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งยอดรวมทั้งหมดตนไม่เคยนับ แต่คิดว่าไม่ถึง 3 ล้านบาทแน่นอน
ซึ่งการให้เงินแต่ละครั้งอีกฝ่ายไม่เคยมาทวง แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ ตนทะเลาะกับฝ่ายชาย และยอมรับว่าให้เพื่อนขับรถเก๋งสีดำมารับ หลังจากนั้นไม่ได้คุยกันประมาณ 5 ชั่วโมง อีกฝ่ายก็โกรธและเข้าแจ้งความจับตนฐานฉ้อโกงทันที ทั้งนี้ ตัวเองมีที่ดินมรดกจากย่าจริง โดยเคยพูดว่าอยากขายที่ดิน แต่ไม่ได้นำเรื่องที่ดินมาอ้างเพื่อจะขอเงินจากฝ่ายชายแต่อย่างใด อีกทั้งตนก็เสียใจที่อีกฝ่ายเข้าแจ้งความ เพราะตนก็อยู่กินกันมาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ และเพิ่งรู้ว่าฝ่ายชายยังไม่เลิกกับภรรยา เพราะตอนที่คบกันช่วงแรกอีกฝ่ายยอมรับว่ามีภรรยาแต่เลิกกันไปแล้ว