จากกรณี วันที่ 26 ม.ค. 65 ร.ต.อ.วรวงษ์ ดีเวียง ร้อยเวร สภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณริมชายท่าแม่น้ำแม่ประจันต์ หมู่ 7 บ้านสระยายนนท์ ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จึงรายงานให้ พ.ต.อ.โกศล ยามา พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี, พ.ต.อ.อำนวย ฉ่ำมะนา ผกก.สภ.แก่งกระจาน ทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี แพทย์เวร รพ.แก่งกระจาน และอาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุพบศพ นายช่วย เทียมอุทัย อายุ 67 ปี เป็นคนในพื้นที่ ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน นอนตะแคงซ้ายจมกองเลือดอยู่ที่พื้นดิน แพทย์ชันสูตรเบื้องต้น พบมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 ซูเปอร์ เข้าที่บริเวณหน้าผาก คิ้วซาย และสีข้างขวา รวม 9 แห่ง ใกล้เคียงพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกัน จำนวน 7 ปลอก พบสุนัขนอนเฝ้าศพอยู่ด้วย
วันที่ 27 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณท้ายสวนมะนาม ริมชายท่าแม่น้ำแม่ประจันต์ หมู่ 7 บ้านสระยายนนท์ ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พบว่ามีกองเลือดขนาดใหญ่อยูบริเวณพื้นดิน มีรองเท้าแตะของผู้เสียชีวิต ใกล้กันพบเครื่องดื่มชูกำลังตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ภาพวงจรปิด จับภาพสุดท้ายวันที่ 26 ม.ค.65 เวลาประมาณ 15.00 น. เห็นนายช่วยขับ จยย. มุ่งหน้าไปยังสวนมะนาว ก่อนจะได้ถูกยิงเสียชีวิต ความยาวคลิปประมาณ 15 วินาที
นางยวน เทียมอุทัย ภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่า ทั้งครอบครัวมีพี่น้อง 7 คน ตนเป็นพี่สาวคนที่ 2 และนางนุช เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ซึ่งนางเนียง บุญจันทร์ แม่ของตน แบ่งที่ดินทางการเกษตร 14 ไร่ แบ่งให้คนละ 2 ไร่ โดยนางนุช น้องสาวคนสุดท้อง ได้ 4 ไร่ ซึ่งพี่น้องคนอื่นก็ไม่ได้มีใครอิจฉาหรือว่าอะไร และยังมีที่ดินอีก 3 ไร่ เป็นที่ดินปลูกบ้านของพี่น้องทั้ง 7 คนในรั้วพื้นที่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ดินของนางเนียง แม่ของตน
ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน จนกระทั่งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ก่อนนางเนียงแม่ของตนจะเสียชีวิต นางนุช น้องสาวของตน มีการอ้างว่าจะพาแม่ไปหาหมอ แต่กลายเป็นว่าพาแม่ไปแอบเปลี่ยนชื่อกรรมสิทธิ์ที่ดิน จากที่ดินของแม่เป็นที่ดินของตัวเอง พี่น้องคนอื่นมาทราบก็ตอนที่ธนาคารมีการเข้ามาวัดในการประเมินราคา จึงมีการรวมตัวพี่น้องฟ้องศาล จนกระทั่งขณะนี้ทางนางนุชยอมแพ้ และขอให้มีการแบ่งที่ดินเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างเตรียมวัดที่ดินใหม่ โดยนางนุชก็ยังมีการก่อกำแพงกั้นบริเวรบ้าน เพื่อให้ได้พื้นที่มากที่สุด
ส่วนนายช่วย ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นสามีของตน อาศัยอยู่ด้วยกันและทำสวนมะนาวมานานกว่า 30 ปี โดยทำกินในพื้นที่ 2 ไร่ 2 งาน 33 ตารางวา โดยที่ดินติดกับริมน้ำแม่ประจันต์ ซึ่งอดีตสมัยหน้าดินยังไม่ถูกกัดเซาะ ทางครอบครัวของนางนุช มีการเข้าไปทำกินบริเวณริมน้ำ แต่พอผ่านไปหลายปี น้ำมีการกัดเซาะที่ดิน ซึ่งนางนุชมีการจะขยับมาทำกิน ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายช่วย ถูกต้องตามกฎหมาย และยังมีการสั่งให้รถแบกโฮเข้าไปตีหน้าดิน แต่คนขับรถจำได้ว่าเป็นของนายช่วยจึงปฏิเสธ ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดความไม่พอใจ แต่ในทางกลับกันที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของนายช่วย
โดยปกติแล้วตนจะเดินทางไปที่สวนมะนาวกับนายช่วยทุกวัน แต่เมื่อวานรู้สึกปวดหลังจึงไม่ได้เดินทางไปด้วย โดยมาทราบในภายหลังหลังจากชาวบ้านแจ้งเหตุว่านายช่วยถูกยิงบริเวณท้ายสวน ริมชายท่าแม่น้ำแม่ประจันต์ พอไปถึงที่เกิดเหตุก็ถึงกับตกใจช็อค เพราะสามีเสียชีวิตถูกยิงบริเวณศรีษะ และพุ่งเป้าคนที่น่าสงสัยมากที่สุดคือ ครอบครัวของน้องสาวตัวเอง เพราะสามีตนไม่เคยมีปัญหากับใคร ถ้าจะมีก็มีแค่ครอบครัวน้องสาว เกี่ยวกับปัญหาเรื่องที่ดิน
ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถ้าหากเป็นครอบครัวของน้องสาวทำจริงก็คงจะเสียใจมาก แม้ว่าในวันนี้มีปัญหาทะเลาะกัน แต่ก็ยังคงมีความรักและความห่วงใยอยู่ ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ต่างคนต่างอยู่ และหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความยุติธรรมกับครอบครัว ส่วนคนก่อเหตุตนไม่ขออโหสิกรรมให้ และยืนยันดำเนินคดีสูงสุดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
นางน้องนุช อ่วมบุตร แม่ผู้ต้องหา น้องคนเล็กของนางยวน เปิดใจว่า ที่ผ่านมาเรื่องที่ดินมรดก นางเนียงได้มีการแบ่งที่ดินให้จนหมดแล้ว ซึ่งที่ดินทำการเกษตร ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ภายหลังทางด้านของนายช่วย ผู้เสียชีวิต ซื้อที่ดินต่อจากคนในหมู่บ้าน เป็นพื้นที่ติดกันกับของตน ก็มีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของตน บริเวณแนวกั้นน้ำแม่น้ำแม่ประจันต์ ซึ่งเป็นที่ดินทางน้ำสามารถทำกินได้
ตอนแรกตนก็ไม่ได้คิดมาก เพราะเห็นว่าเป็นพี่เขย และในส่วนแนวกั้นน้ำ ใครก็สามารถทำกินได้ แม้จะเป็นสิทธิ์ของตนก็ตาม เพราะที่ดินของตนติดกับแนวกั้นน้ำ แต่ภายหลังเริ่มมีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของตนโฉนดที่ดินระบุชัดแล้ว แต่ทางด้านของนายช่วย ผู้เสียชีวิตก็ไม่ยอมถอยออก จึงมีปากเสียงกันเรื่อยมา
ส่วนเรื่องที่ดิน 3 ไร่ ตนยืนยันไม่ได้หลอกแม่ แล้วแอบไปโอนที่ดิน แต่แม่โอนให้ตนก่อนที่แม่จะเสียชีวิต เพราะตนเป็นคนดูแลแม่ คอยพาแม่ไปหาหมอตลอด หลังแม่ตายได้ 2 ปี ก็ถูกพี่สาวตัวเองฟ้อง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการวัดรังวัดพื้นที่ใหม่ ซึ่งจะแยกในส่วนของตัวเองออกมา
ในวันเกิดเหตุ เป็นการเจอหน้ากันด้วยความบังเอิญ เนื่องจากพื้นที่ติดกัน ซึ่งก็มีการด่าทอกันไปมาเรื่องที่ดิน จนกระทั่งนายช่วยถือไม้จะฟาดตน ตนเลยวิ่งหนี จากนั้นไม่นานก็ได้ยิงเสียงปืนรัวหลายนัด และเห็นว่าคนยิงคือนายวรวุฒิ อ่วมบุตร ลูกชายคนโตของตน ซึ่งคาดว่าจะแค้นและสงสารตนมากกว่า ที่สู้เรื่องที่ดินมาโดยตลอด ตอนนี้ยังติดต่อลูกชายไม่ได้ แต่ยืนยันจะพาลูกชายไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรับผิดกับสิ่งที่เขาทำได้ และอาจจะมีการประกันตัวในภายหลัง เพราะเข้าใจลูกว่าลูกคงโกรธแทนแม่ ส่วนตัวไม่ได้อยากให้มีใครต้องตาย ตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจ อยากขอโทษญาติผู้เสียชีวิตแทนลูกชาย ส่วนจะรับผิดชอบอย่างไรนั้นยังตอบไม่ได้ เพราะต่างคนต่างก็ไม่คุยกัน