กรณีกลุ่มชาวบ้านและญาติของนายจิตชนัย รื่นเริง ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รวมตัวกันบุกโรงพัก สภ.เมืองระยอง เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 62 เพื่อขอความเป็นธรรมในคดีที่นายตำรวจยศร้อยตำรวจเอก สภ.เมืองระยอง ขับรถเก๋งพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของนายจิตชนัย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ภายหลังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้ปล่อยตัวผู้ก่อเหตุไปโดยไม่ยอมส่งตัวไปตรวจร่างกายเป่าวัดแอลกอฮอล์ ทำให้ญาติติดใจสงสัยว่า การกระทำของร้อยเวรเจ้าของคดี มีการให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหา อีกทั้งเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า
วันที่ 3 ม.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่หมู่ 6 บ้านชากใหญ่ ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ญาติได้ตั้งสวดอภิธรรมศพของนายจิตชนัย รื่นเริง หรือ แชมป์ อายุ 35 ปี และนางสาวมาลินี รื่นเริง หรือ เอิร์ธ อายุ 25 ปี สองพี่น้องที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว
โดย
นายอรัญ โพธิ์แก้ว น้าของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น วันที่ 2 ม.ค. เวลา 17.00 น. ตนได้รับแจ้งจากญาติว่าหลานประสบอุบัติเหตุอยู่ที่หน้าร้านขายส่งเครื่องดื่ม ตนจึงรีบออกไปดูที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยเหลือ โดยเจ้าหน้าที่เร่งปั๊มหัวใจน้องแชมป์ขึ้นมาจนรู้สึกตัว แต่บาดแผลขณะนั้นเป็นแผลฉกรรจ์ แม้ดูภายนอกอาการไม่สาหัส แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพบว่ากระดูกแตก แพทย์บอกว่าต้องตัดขาทิ้ง แต่น้องแชมป์กลับเสียชีวิตตอนช่วง 18.00 น. ของวันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลระยอง
ส่วนน้องเอิร์ธ ซึ่งร่างถูกแรงกระแทกทำให้ร่วงหล่นอยู่กลางพื้นถนน ห่างจากร่างของน้องแชมป์มาประมาณ 7 เมตร ยังสามารถสื่อสารได้อยู่ ณ ที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ในช่วงเช้าที่ผ่านมาจึงเสียชีวิตลงตามพี่ชาย
นายอรัญ ได้เล่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ว่า ขณะที่ตนไปถึงที่เกิดเหตุ พบคู่กรณีสวมใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจในลักษณะครึ่งท่อน ตนจึงถามว่า เป็นตำรวจจริงหรือไม่ ขอดูบัตรได้ไหม แต่เขาก็ไม่ตอบรับ คล้ายกับมีอาการมึนเมา ซึ่งตนยืนยันว่าได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างกายของคู่กรณีด้วย
ต่อมา พนักงานสอบสวนนำตัวคู่กรณีนั่งรถไปด้วยกัน แต่แทนที่จะนำตัวคู่กรณีไปที่ สภ.เมืองระยองทันที แต่กลับนำคู่กรณีไปดูเคสอีกที่หนึ่งบนถนนสายทับมา แล้วจึงค่อยพาไป สภ.เมืองระยอง ตนสังเกตเห็นว่ามีความผิดปกติ จึงให้ญาติรายหนึ่งตามไปเฝ้าไว้ที่โรงพัก ซึ่งปรากฏว่าเมื่อลงบันทึกประจำวันอยู่ ไม่ได้มีการให้คู่กรณีเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ทั้งยังมีการพูดกับพนักงานสอบสวนว่า ตัวเองเป็นตำรวจ ไม่มีการหลบหนีแน่นอน
ระหว่างที่เขากำลังให้ถ้อยคำ ได้มีการขออนุญาตพนักงานสอบสวนโดยอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่หลังจากนั้นได้หลบหนีไป ญาติตนจึงสอบถามพนักงานสอบสวนว่าเขาหลบหนีไปแบบนี้จะทำอย่างไร แต่ตำรวจภายในโรงพักปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ตนกับบรรดาญาติจึงตัดสินใจไปร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากเกรงว่าเมื่ออีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนกัน อาจมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่กันหรือไม่ เพราะหากเป็นชาวบ้านธรรมดาก็คงตรวจวัดผลแอลกอฮอลล์ตั้งแต่สถานที่เกิดเรื่องแล้ว แต่เพราะคู่กรณีเป็นตำรวจใช่หรือไม่ จึงต้องเชิญไปตรวจถึงโรงพัก
ด้าน
นายราชันทร์ บุปผาชาติ หรือ น้าหง่าว น้าของผู้เสียชีวิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติแล้วน้องแชมป์ไม่ใช่คนขับรถเร็ว แต่รถคู่กรณีมาขับชนเสียก่อน ซึ่งตนตามไปที่โรงพยาบาลก็พบว่าหลานชายกำลังอาการสาหัส แพทย์ต้องปั๊มหัวใจถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 10, 20 และ 40 นาที ตามลำดับ และต้องให้น้ำเกลือกว่า 3 ลิตร เพื่อยื้อชีวิตด้วย ตอนนั้นครอบครัวเริ่มทำใจไว้แล้วว่าหลานชายอาจไม่รอด
นายหง่าว กล่าวด้วยน้ำตาว่า ผู้ตายเป็นที่รักใคร่ของทุกคน ซึ่งน้องเอิร์ธยังมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูลูก 2 คน โดยลูกชายคนโตป่วยเป็นมะเร็ง อีกทั้งภาระหนี้สินจากการทำธุรกิจ ตอนนี้ครอบครัวต้องการให้คู่กรณีช่วยเยียวยาการสูญเสียครั้งนี้ ซึ่งการรับโทษตามกฎหมายก็ต้องเป็นไปตามที่ควรได้รับ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านโชคชัยรัช สามารถจับภาพขณะรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ขับขี่อยู่บนถนนสายบ้านแลง เพื่อเตรียมมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยช่วงเวลา 17.07 น. ได้มีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ซึ่งมี ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ คำลือชา รอง สวป. สภ.สำนักทอง จ.ระยอง อายุ 58 ปี เป็นผู้ขับขี่ ขับสวนเลนมาด้วยความรวดเร็ว แล้วขับเบี่ยงมาที่เลนอีกฝั่งจนรถยนต์ชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ก่อนจะพุ่งหน้าลงไปข้างทาง ส่วนรถจักรยานยนต์พังยับเยินอยู่ข้างถนน
ขณะที่
นางสาวไก่ (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ระหว่างที่ขับรถอยู่ สังเกตเห็นรถยนต์ของตำรวจท่านนี้ที่อยู่อีกเลนหนึ่ง ขับมาในลักษณะส่ายไปมา ตนจึงตัดสินใจชะลอรถยนต์ เพราะเกรงว่าเขาจะขับมาชน ระหว่างนั้นทำให้รถจักรยานยนต์ของผู้ตายขี่ขึ้นมานำหน้า จากนั้นคาดว่ารถจักรยานยนต์ก็คงเห็นแล้วว่ารถยนต์คันดังกล่าวนั้นมาด้วยความเร็ว จึงพยายามหักหลบเช่นกัน แต่หลบพ้นจึงถูกรถยนต์ของตำรวจที่ขับส่ายข้ามเลนมา พุ่งชนเข้าอย่างแรง
ด้วยความตกใจ ตนจึงรีบจอดรถยนต์ข้างทางแล้วลงไปดูคนเจ็บ หลังเกิดเหตุแบบนี้ยอมรับว่ายังคงกลัว ไม่กล้าขับรถออกไปไหน เมื่อทราบว่าคนขับรถจักรยานยนต์เสียชีวิตแล้วทั้งสองคน ก็ยิ่งรู้สึกตกใจและเศร้าใจแทน
อย่างไรก็ตาม
พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้น ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ คำลือชา รอง สวป. สภ.สำนักทอง ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนแล้ว จึงนำตัวไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลระยอง ปรากฎว่า ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ มีความเครียดและความกดดันสูงมาก คล้ายกับคนกำลังจะช็อก ทำให้ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่งผลให้ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำได้
สำหรับผลเลือดตรวจวัดแอลกอฮอล์นั้น จะต้องใช้เวลาจึงจะทราบผล ส่วนจะมีอาการมึนเมาสุราจริงหรือไม่นั้น ต้องรอผลจากโรงพยาบาลเพื่อมายืนยันอีกครั้งเช่นกัน แต่ทั้งนี้กล้องวงจรปิดและพยานในที่เกิดเหตุ ค่อนข้างชัดเจนว่ามีความผิดฐานขับรถโดยประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนเรื่องเมาหรือไม่นั้น เป็นเพียงข้อหารองลงมา ซึ่งต้องดำเนินคดีในเรื่องหลักก่อน
ส่วนการแต่งกายของ ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์นั้น ไม่ได้เห็นว่ามีเข็มขัดหรือใส่เครื่องแบบขับรถตามที่เข้าใจกัน ซึ่งพฤติการณ์ของเขาหลังเกิดอุบัติเหตุ ก็ยังลงมาช่วยโบกรถ ไม่มีเจตนาหลบหนีในที่เกิดเหตุ กระทั่งมาที่โรงพักแล้วจึงเกิดภาวะความดันขึ้น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เมื่อเขาโทรศัพท์ปรึกษาญาติ ทำให้ญาติมารับกลับจากโรงพักไป
ทั้งนี้ ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาสอบสวนการกระทำความผิดทางวินัยแล้ว แต่ในขณะเกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปทำสิ่งผิดกฎหมาย เป็นเพียงอุบัติเหตุ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่มีการช่วยเหลือหรือเอื้อประโยชน์ให้กัน