กรณีวันที่ 30 มกราคม 2565 เวลา 08.18 น.หน่วยกู้ภัยเต็กก่า จีแชเกาะ ชุมแพ ได้รับแจ้งเหตุจาก สภ. อ.ชุมแพ ว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ที่บ้านโคกงาม ตำบลหนองเขียด อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น หน่วยกู้ภัยเต็กก่า จีแชเกาะ จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครออกตรวจสอบเหตุ ร่วมกับ ร.ต.อ.สราวุธ บุญยะรัตน์ ร้อยเวร สภ.ชุมแพ และเเพทย์เวรโรงพยาบาลชุมแพ กองพิสูนจ์หลักฐานตำรวจ
พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายสอน ขำชัยภูมิ อายุ 59 ปี มีบาดแผลที่บริเวณศีรษะ สวมเสื้อสีน้ำเงิน-กางเกงขาสั้นสีกรม นอนเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแพ สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ คือ นายนิชากรณ์ สุรินทร์ หรือ บิว อายุ 31 ปี พาตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วนั้น
จากคำให้การของนายนิชากรณ์ ผู้ก่อเหตุอ้างว่าเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 นายนิชากรณ์ได้นั่งดื่มเหล้ากับนายสอน ผู้เสียชีวิต, นายสำเนา ภูมิคอนสาร และเพื่อนผู้ชายอีก 1 คน รวมเป็น 4 คน โดยนั่งดื่มกินกันที่กระท่อมจุดเกิดเหตุ เวลา 18.00 น. ระหว่างที่ดื่มเหล้ากันนั้น นายนิชากรณ์ ผู้ก่อเหตุ ได้มีปากเสียงกับนายสอน ผู้เสียชีวิต เรื่องที่ก่อนหน้านี้ นายสอนและลูกชายของเขา ได้ไปรับเหมาก่อสร้างบ้านให้กับนายนิชากรณ์ แต่ก่อสร้างไม่เรียบร้อย ทำให้ทั้ง 2 คนเกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ก่อนที่นายนิชากรณ์ผู้ก่อเหตุจะเดินออกจากวงเหล้า แล้วขับรถกลับบ้าน จากนั้นไม่นาน เพื่อนในวงเหล้าอีก 2 คน ก็พากันเดินทางกลับบ้าน ทำให้ในที่เกิดเหตุเหลือแต่นายสอน ผู้เสียชีวิต
ต่อมานายนิชากรณ์ ได้กลับมายังจุดเกิดเหตุอีกรอบ มาพบกับนายสอน ที่นอนหลับอยู่ที่เปล จากนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ไปหยิบเขียงมาทุบตีนายคำสอนหลายครั้ง จนนายสอนตกเปล และนอนแน่นิ่งจมกองเลือด หลังก่อเหตุเสร็จ นายนิชากรณ์ ผู้ก่อเหตุได้เดินเข้าไปในห้องน้ำด้านหลังกระท่อมที่เกิดเหตุ แล้วอาบน้ำชำระคราบเลือดออกจากร่างกาย แล้วจึงเดินทางกลับไปนอนที่บ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวได้ เมื่อเช้าวันที่ 30 มกราคม 2565
ล่าสุด วันที่ 31 มกราคม 2565 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายัง สภ.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เบิกตัวนายนิชากรณ์ มาสอบปากคำ ระหว่างนั้นทีมข่าวก็ได้สอบถามนายนิชากรณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายนิชากรณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตัวเองได้ดื่มเหล้ากับผู้เสียชีวิต จากนั้นก็เกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย เป็นปัญหาเรื่องที่นายสอน ผู้เสียชีวิต เคยไปรับเหมาก็สร้างบ้านของตัวเอง แต่เขาทำงานไม่เรียบร้อย ทำให้ผนังบ้านตัวเองแตกร้าว กระทั่งตอนเกิดเหตุ นายสอนผู้เสียชีวิตได้นอนอยู่ที่เปล ตัวเองจึงใช้หมัดต่อยไปที่หน้าของผู้ตาย พร้อมกับใช้เขียงทุบที่ศีรษะ และใบหน้าของผู้เสียชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองก็อยากขอโทษญาติของผู้เสียชีวิตกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และจะนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดชุมแพในวันพรุ่งนี้
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านของนายสำเนา ภูมิคอนสาร ผู้บาดเจ็บ ที่เคยถูกนายนิชากรณ์ก่อเหตุใช้มีดฟันหูขาดมาก่อนนั้น นางวงเดือน วงธรรมดา น้องสาวของนายสำเนา เล่าว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2564 นายสำเนา พี่ชายตัวเองได้ไปตัดอ้อยที่ป่าอ้อยกับนายนิชากรณ์ ผู้ก่อเหตุ
กระทั่งถูกนายนิชากรณ์เอาขวดเหล้ามาทุบที่หัว แล้วนายนิชากรณ์ก็บอกกับพี่ชายตัวเองว่าจะพาพี่ชายไปทำแผลที่โรงพยาบาล แต่เขาก็ไม่ได้พาพี่ชายไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด เขากลับหลอกล่อพาพี่ชายไปที่บ้านของเขา แล้วนายนิชากรณ์ก็ทำร้ายร่างกายพี่ชายตัวเอง ใช้มีดกรีดใบหน้า และฟันที่หูพี่ชาย จนหูขาดออกเป็นสามส่วน แล้วยังเอาก้องอิฐทุบที่หัวพี่ชายอีก 1 ครั้ง แล้วเอามือจะล้วงดวงตาพี่ชายออกมา แต่เคราะห์ดีที่ตอนนั้นยังไม่ทันล้วง เนื่องจากมีชาวบ้านมาห้ามไว้ได้ทันก่อน
หลังจากเกิดเหตุ ตัวเองได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายนิชากรณ์ในข้อหาพยายามฆ่า กระทั่งเขาถูกดำเนินคดี แล้วได้รับการประกันตัวออกมา กระทั่งมาก่อเหตุฆ่านายสอนรายล่าสุด
โดยช่วงต้นเดือนมกราคม 2565 ตัวเองอยู่ระหว่างดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายกับนายนิชากรณ์ เพื่อให้เขาชดใช้ครอบครัวตัวเองเป็นเงินค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท ค่าทำให้ตกใจ 100,000 บาท และค่าเสียหายที่นายสำเนาต้องพักรักษาตัว ไม่ได้ทำงานวันละ 300 บาท ระยะเวลา 2 เดือน รวมเป็นเงิน 127,000 บาท แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา นายนิชากรณ์เขาก็มาก่อเหตุอีกแล้ว