จากกรณี เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 30 ม.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเเจ้งเหตุตึกด้านหลังได้กลิ่นเหม็นจากตึกฝั่งตรงข้าม จึงเเจ้งมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้ามาดูในพื้นที่เกิดเหตุดังกล่าว ย่านศรีนครินทร์ 40 เป็นคอนโด อาคารตึก B ชั้น 9
พบวัยรุ่นชายหญิงหนึ่งคู่พักอาศัยอยู่ในห้อง หญิงอายุ 24 ส่วนชายอายุ 20 กว่า เป็นแฟนกัน จากการตรวจสอบถามกลิ่นเหม็นพบศพทารก ถูกใส่ไว้ในกล่องพัสดุอยู่ด้านหลังดังกล่าว
วันที่ 31 ม.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ คอนโดอาคารตึก B ชั้น 9 ย่านศรีนครินทร์ 40 เขตประเวศ กรุงเทพฯ พบว่าศพเด็กผู้เสียชีวิตดังกล่าวก็ยังคงอยู่ภายในห้อง โดยที่ไม่ได้ทำการเคลื่อนย้าย
น.ส.ขวัญ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี แม่เด็กที่เสียชีวิต เผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนยอมรับว่าเหตุเกิดขึ้นจริง และตนเองที่เป็นแม่ของเด็กที่เสียชีวิต โดยเหตุเริ่มจากก่อนหน้านี้ ตนได้ตั้งครรภ์ 4 เดือน แต่ระยะเวลาช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ตนใช้ชีวิตประจำวันตามปกติอยู่ภายในห้อง ตนไม่แน่ใจว่าร่างกายของตนไม่แข็งแรงหรือไม่ ลูกในท้องของตนก็ได้หลุดเองมาเอง โดยที่ตนไม่ได้ตั้งตัว
หลังเกิดเรื่องตนในฐานะผู้เป็นแม่ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรในตอนนั้น หากบอกคนในทางบ้านก็เกรงว่าคนทางบ้านจะเป็นห่วง อีกทั้งมีความคิดจะเอาลูกไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัด ก็กลัวสัปเหร่อจะนำลูกตนไปทำอะไรไม่ดีเกี่ยวกับทางไสยศาสตร์ ตามที่ตนเคยเห็นในข่าว และเคยได้ยินเรื่องราวจากกลุ่มเพื่อนหรือคนอื่นเล่ามา
ตนจึงตัดสินใจนำศพลูกของตนที่หลุดออกมา ห่อผ้าขนหนูมัดใส่ถุงพลาสติก ก่อนนำใส่ลงไปในกล้องพัสดุขนาดเล็ก ประมาณ 3-4 นิ้ว วางไว้ที่บริเวณหลังห้อง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมารวมระยะเวลา 2 เดือน
ซึ่งในส่วนนี้หากถามว่าทำไมตนถึงไม่ทิ้ง หรือนำศพลูกไปทำพิธีฌาปนกิจศพ ตนรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่ตนต้องนำศพของลูกไปทิ้ง เพราะศพเด็กที่เสียชีวิตดังกล่าวก็เป็นลูกตน จึงมองว่าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลในฐานะคนเป็นแม่ที่จะจัดการกับศพลูกของตนอย่างไร ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโซเชียลฯ ก่อนหน้านี้ว่าศพของลูกตนส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเพื่อนบ้านตึกฝั่งตรงข้าม ตนยืนยันได้ว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากศพของลูกตนมีขนาดเล็ก อีกทั้งกลิ่นก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นลอยตลบอบอวนออกไปรบกวนผู้อื่น
แต่ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาตรวจสอบนั้น เป็นเพราะเพื่อนของตนที่มีปัญหาทะเลาะกันก่อนหน้านี้เป็นคนแจ้ง เพราะรู้ว่าตนแท้งลูกและยังเก็บศพลูกไว้ เป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องตนได้ให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงเจ้าหน้าที่พยาบาลให้เข้าใจเป็นที่เรียบร้อย กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการแจ้งความหรือถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด
ส่วนศพลูกของตน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าหลังจากนี้ให้ตนจัดการตามขั้นตอนแล้วแต่ความเหมาะสมในฐานะผู้เป็นแม่ต่อไป ตนจึงอยู่ระหว่างคิดว่าจะเก็บลูกไว้ หรือนำไปทำพิธีฌาปนกิจตามขั้นตอนของศาสนา เลยยังไม่ได้จัดการกับศพลูก สุดท้ายนี้ต้องขอยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ได้ทำแท้งหรือมีเจตนาตั้งใจฆ่าลูกของตนจนถึงขั้นเสียชีวิต จึงอยากฝากคนในสังคมวิเคราะห์ก่อนเสพข่าว เนื่องจากตนมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของตน
ด้านนายนที อ่อนหวาน อายุ 36 ปี รปภ.ดูแลตึก บอกว่า ก่อนหน้าตนขึ้นมาสำรวจตึกบ่อยครั้ง บางครั้งตามห่องต่าง ๆ ก็จะมีกลิ่นอยู่บ้าง ซึ่งไม่ได้แปลกใจเพราะไม่ใช่กลิ่นศพ ส่วนตัวคนที่ตึกไม่ได้รับผลกระทบ เพราะถ้ามีกลิ่นเหม็นเน่าออกมา แม่บ้านต้องได้กลิ่นแล้ว เพราะแม่บ้านทำความสะอาดที่ชั้นทุกวัน ตนมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลระหว่างตัวแม่และพ่อของเด็ก จึงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่หากเป็นไปได้ ก็อยากจะให้นำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้ถูกต้อง