กรณีนายสหรัช ยิ่งตระกูล อายุ 28 ปี พ่อค้าลูกชิ้นทอดย่านนนทบุรี พร้อมด้วยนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เดินทางเข้าร้องทุกข์หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี สืบเนื่องจากในวันที่ 26 มกราคม 65 ตำรวจรวมทั้งหมด 6 คน ตบและล็อกแขน ก่อนจะคอจับกุมตัวนายสหรัช จนแขนซ้ายหัก พร้อมถูกแจ้งข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้ง ๆ ที่นายสหรัช ไม่ได้ต่อสู้และหนีการจับกุมแต่อย่างใด
ล่าสุดวันที่ 1 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานที่สภ.เมืองนนทบุรี พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี และพ.ต.ท.เฉลิมพล ซื่อสัตย์ สวป.สภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกันแถลงข้อมูลในเรื่องดังกล่าว
พ.ต.อ.จาตุรนต์ กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุตนได้เรียกผู้ใต้บังคับบัญชามาสอบถาม จึงทราบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 26 มกราคม 65 เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าของจังหวัดนนทบุรี ได้ออกตรวจขันตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เมื่อมาถึงถนนพิบูลสงคราม จึงได้พบกับนายสหรัช พร้อมกับมีผู้ซ้อนท้าย 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดป้ายทะเบียน แซงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับรถตาม ก่อนที่จะเรียกให้จอด สอบถามพบว่านายสหรัช เคยมีคดียุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอตรวจปัสสาวะแต่ก็ไม่พบ และได้ขอตรวจเอกสารรถจักรยานยนต์ เนื่องจากไม่เห็นป้ายทะเบียนรถ เมื่อเปิดดูใต้เบาะรถพบป้ายทะเบียนรถชำรุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นายสหรัช ยืนยันตัวตนโดยการแสดงบัตรประชาชน แต่นายสหรัช ไม่ยินยอมที่จะบอกชื่อตัวเอง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านายสหรัช เป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวจริงหรือไม่ เพราะคู่มือทะเบียนรถมีชื่อของเจ้าของรถ
ทั้วงนี้เมื่อ นายสหรัช ไม่ยินยอมที่จะแสดงบัตรประชาชน แต่พร้อมที่จะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อขับหลบหนี ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงร่วมกันขวางรถและคว้าตัวนายสหรัช ทำให้ภาพปรากฏตามคลิปดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้ตำรวจหลายคนนั้น เนื่องจากนายสหรัช ตัวใหญ่ จึงจำเป็นต้องจับล็อกซ้ายขวา ระหว่างนั้นนายสหรัช ดิ้นและขัดขืนทำให้แขนซ้ายหัก ซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชายืนยันว่าได้ยินเสียงดังก๊อก คล้ายกับกระดูกหักจึงได้ปล่อยและรีบเรียกกู้ภัยให้พาตัวไปรักษา
"ภายหลังจากที่ศาลตัดสินนายสหรัช จำคุก 1 เดือน รอลงอาญา 1 ปี โทษปรับ 2,000 บาท แต่แฟนของนายสหรัช อ้างว่าต้องดูแลแม่ที่แก่ชรา น้องสติไม่ดี ทำมาหากินเพียงขายลูกชิ้น ไม่มีรายได้มากมาย ตำรวจจึงเกิดความเห็นใจ พร้อมจะเยียวยาตามหลักมนุษยธรรม และเขาต้องการค่าเยียวยาจากนายตำรวจทั้ง 6 คน คนละ 50,000 บาท ซึ่งผมมองว่ามากเกินไป จึงขอเยียวยา 20,000 บาท" พ.ต.อ.จาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย
พ.ต.ท.เฉลิมพล ซื่อสัตย์ สวป.สภ.เมืองนนทบุรี กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่นายสหรัช ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าไม่มีเจตนาหลบหนี จากการสอบถามผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติงานในวันที่เกิดเหตุ ระบุว่านายสหรัช เริ่มมีอาการไม่พอใจ พร้อมกับพูดกับหลานชายว่าให้ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน ก่อนที่นายสหรัช จะขึ้นรถจักรยานยนต์ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวผู้ใต้บังคับบัญชาคาดว่าน่าจะหลบหนี จึงได้ล็อกตัวเอาไว้
ส่วนกรณีที่ตำรวจจะยึดรถจักรยานยนต์ ในกรณีที่รถต้องสงสัยหรือไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ถึงแม้ว่าเอกสารรถผู้ครอบครองรถมีจริง แต่ผู้ขับขี่ไม่ยินยอมบอกชื่อนามสกุล ซ้ำเจ้าหน้าที่เรียกดูบัตรประชาชน นายสหรัช ไม่ยินยอมที่จะแสดง จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เป็นของนายสหรัชจริงหรือไม่ จึงต้องมีการยึดเท่านั้น
"กล้องติดหน้าอกที่บันทึกภาพเหตุการณ์เป็นคลิปฉบับเต็ม ผมยืนยันว่าไม่มีการตัดต่อ ซึ่งมีช่วงจังหวะที่หันคลิปไปที่อื่น เนื่องจากเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ตำรวจนายที่มีกล้องติดหน้าอกจึงหันไปหยิบลูกชิ้นออกจากที่เกิดเหตุ กังวลว่าลูกชิ้นจะเสียหายครับ" พ.ต.ท.เฉลิมพล กล่าวให้ฟัง
พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 6 คนนั้นได้ออกไปปฎิบัติหน้าที่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ดี ตนขอย้ำว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิด ก็จะต้องดำเนินตามกฎหมายไม่ละเว้น
ทีมข่าว ได้เดินทางไปยังบ้านของนายสหรัช ยิ่งตระกูล อายุ 28 ปี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นห้องเช่าของผู้เป็นพ่อที่เลิกลากับแม่แล้ว ภายในห้องพบแม่ป่วยโรคพาร์กินสัน นั่งทานก๋วยเตี๋ยว โดยนายสหรัช กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนขอย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาขัดขืนหรือหลบหนี เพราะขณะนั้นตนไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ เนื่องจากมีถุงลูกชิ้นที่หนัก 20 กิโลกรัม พร้อมกับหลานชายที่ยืนอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนยืนยันว่าไม่ได้บอกให้หลานชายขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน แต่ยอมรับว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอดูบัตรประชาชนนั้น ไม่ได้พกบัตรติดตัวไป เพราะเห็นว่าตลาดนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้าน
นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ของตนไม่ได้ติดป้ายทะเบียนจริง เนื่องจากป้ายทะเบียนชำรุด ซึ่งเคยคิดที่จะนำไปซ่อม แต่ติดต่อขนส่งแล้ว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการทำป้ายทะเบียนใหม่ 1 เดือน ส่วนกรณีที่แฟนสาวเรียกร้องค่าเสียหายกับตำรวจ 6 คน คนละ 50,000 บาท เป็นความจริง แต่ไม่เจตนาที่จะรวยทางลัด เป็นเพียงการขอไปเท่านั้น หากไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งตนต้องการค่าเยียวยารักษา เพราะตนต้องจ่ายค่าเช่าที่เดือนละ 2,500 บาท ค่ารถเข็น 300 บาท ที่สำคัญยังต้องดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดเหตุ ตนมองว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางไปหาทนายโป้ง พร้อมกับได้นำคลิปกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นายได้รุมทำร้ายตนจริง ส่วนกล้องติดหน้าอกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนไม่มั่นใจว่าคลิปตัดต่อหรือไม่ ตนเชื่อว่าตำรวจน่าจะให้ความยุติธรรม แม้ว่าจะมีตำรวจ 1 นายที่ข่มขู่ตนว่าไม่สามารถทำอะไรกับตำรวจได้