จากกรณี นายพิเศษ แก้วจินดา อาย 40 ปี ปั่นรถจักรยานอยู่ริมถนน และถูกรถยนต์ไม่ทราบชนิดชนจนเสียชีวิตคาที่ บริเวณถนนมิตรภาพ ขาเข้าเมืองอุดรธานี หลักกิโลเมตรที่ 442 บ้านหนองหมื่นท้าว ต.โนนสูง ขาเข้าตัวเมืองอุดรธานี ส่วนคู่กรณีขับรถหลบหนีไป ล่าสุด ญาตินำศพกลับมาทำพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้านพัก
วันที่ 6 ม.ค. 62 ที่บ้านของผู้เสียชีวิต ญาติจัดเตรียมงานศพ เพื่อเตรียมสวดพระอภิธรรมในคืนแรก โดยใช้บริเวณหน้าบ้านตั้งบำเพ็ญกุศล โดย
นางทองใบ ลาวิลล์ อายุ 55 ปี พี่สาวผู้ตาย เปิดเผยว่า บ้านนี้อยู่กัน 3 คน มี ตนเอง ผู้ตาย และหลานสาว 1 คน ตนทำงานเป็นแม่บ้านที่โชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่งใกล้บ้าน น้องชายมีโรคประจำตัวไม่ค่อยแข็งแรง จึงประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เล็ก ๆ น้อย ๆ
ก่อนเกิดเหตุ เหมือนเป็นลางสังหรณ์ไม่ดี เพราะเมื่อตอนออกไปทำงานตอนเช้า ตนก็นึกอยากใส่เสื้อสีดำ ทั้งที่ไม่ใช่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัท กระทั่งช่วงเย็นตนกลับบ้าน เตรียมหาอาหารให้น้องและหลานตามปกติ ประมาณ 18.30 น. ตนเดินไปตามน้องในห้องนอนแต่ไม่พบตัว จึงคิดว่าคงออกไปทำธุระ หรือไปหาเพื่อนแถวบ้าน จึงไม่ได้สนใจ กระทั่งประมาณ 19.00 น. มีเพื่อนบ้านขับรถจักรยานยนต์มาบอกว่าน้องชายถูกรถชน
นางทองใบ กล่าวต่อว่า ตอนแรกคิดว่าคงเป็นเหตุรถชนบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ตนก็ถึงกลับใจสลาย เนื่องจากพบศพน้องชายถูกคุมด้วยผ้าขาวแล้ว จากนั้นจึงเดินทางไปรับศพน้องชายที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และนำมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน
โดยมีกำหนดทำพิธีเผาวันที่ 9 ม.ค. 62 และตนอยากขอความเป็นธรรมให้กับน้องด้วย เพราะคู่กรณีชนและขับรถหลบหนีไป ไม่มีสามัญสำนึกแม้แต่น้อย อยากให้มาอโหสิกรรมให้กัน และตนขอฝากบอกคู่กรณีด้วยว่า "คุณจะไม่มีความสุขไปอีกตลอดชีวิต เพราะชีวิตคนคนหนึ่งต้องสูญเสียไป มาดูดำดูดีกันหน่อย"
ทั้งนี้ ครอบครัวตนจะไม่เรียกร้องอะไรไปมากกว่าการจัดการงานศพ และให้มาขอโทษ เพื่อให้อโหสิกรรมกันไป ครอบครัวตนไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ขณะนี้ต้องการเพียงแค่ความยุติธรรมให้น้องชาย
นางทองใบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนคดีความยังไม่มีความคืบหน้า ตนจึงขอฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามคู่กรณี และช่วยตรวจดูกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว รวมถึงมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า รถคู่กรณีเป็นรถเก๋งสีแดง ไม่ทราบยี่ห้อ ลักษณะขับส่ายไปมา