วันที่ 6 ม.ค. 62 กรณีเพจเฟซบุ๊ก
ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพตส์ข้อความและรูปภาพ โดยมีใจความระบุว่า "พรุ่งนี้เวลา 10.00 น. น.ส.รักชนก เจริญมากสุวรรณ จะเดินทางไปร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมพวกในข้อหาร่วมกันทำพยานหลักฐานเท็จ ปลอมแปลงเอกสารราชการ"
โดยสืบเนื่องจากที่ นายเศรษฐ์ เดชสุภา หรือ กบ และน.ส.รักชนก เจริญมากสุวรรณ ภรรยา เดินทางมาร้องเรียนเอาผิดกับบุคคลที่นำภาพ และข้อมูลส่วนตัวในทะเบียนราษฎร์ ออกมาเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ และอ้างว่าเป็นแอดมินเพจดัง ในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ยศ พ.ต.ท. ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ล่าสุด
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวว่า กรณีผู้ที่จะนำผู้เสียหายไปร้องต่อกองบังคับการปราบปรามในวันพรุ่งนี้ เป็นเคสต่อเนื่องจากที่ สภ.บางปะอิน ที่มีผู้เสียหายรายหนึ่ง ไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเอาไว้ ว่าถูกเปิดเผยข้อมูลทางราชการโดยไม่ชอบ โดยมีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งเข้าไปสร้างหลักฐานเท็จ ตนเองและผู้เสียหาย คือน.ส.รักชนก จึงได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพยานบุคคล เอกสารจำนวน 2 แผ่น ซึ่งเชื่อมโยงถึงคนที่ปลอมแปลงเอกสารเหล่านั้น ไปมอบให้กับกองบังคับการปราบปราม แต่ในส่วนของพยานบุคคล หรือส่วนที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จะนำไปต่อสู้ในชั้นต่อไป แต่ยังไม่เปิดเผยทั้งหมด
นายษิทรา ยืนยันว่า จากพฤติกรรมที่มีการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารทางราชการจริง และทราบตัวของผู้ที่กระทำผิดด้วย อีกทั้งยังฝากถึงผู้ที่ปลอมแปลงเอกสารว่า “ถึงเวลากรรมตามสนองแล้ว ทำอะไรไว้ ก็ให้รับตามกรรมที่ก่อ” และการดำเนินการเอาผิดครั้งนี้ ไม่ได้มีความเห็นส่วนตัว อคติส่วนตัวแต่อย่างใด เป็นเรื่องของคนที่ทำผิด ก็ต้องได้รับโทษเท่านั้น ไม่ใช่การแก้แค้น
ซึ่งเอกสารที่ถูกปลอมแปลงนั้น เป็นเอกสารใบลงบันทึกประจำวันในคคี ที่ได้มีการแจ้งความลงบันทึกเอาไว้ ที่ สภ.บางประอิน แต่ได้มีการดัดแปลงข้อความ และแก้ไขข้อมูลในใบบันทึกประจำวันใหม่ ทำให้เกิดข้อมูลที่บิดเบือน และเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสารราชการอย่างชัดเจน โดยสาระสำคัญของเนื้อหาเปลี่ยนไปจากที่มีผู้เสียหายแจ้งความเอาไว้
ด้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ที่ถูกกล่าวหา ให้ข้อมูลว่า จากกระแสข่าวที่พาดพิงถึงตัวเองนั้น ยืนยันว่ากระบวนการแจ้งความทั้งหมด มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งคิดว่าอีกฝ่ายพยายามดิ้นทุกอย่างเพื่อเอาผิดตน และมีทนายดังอยู่เบื้องหลังเป็นคนดำเนินการ ซึ่งตนสืบสวนมาชัดเจน และมีหลักฐานในการเอาผิดเช่นกัน
ขณะที่
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า กรณีที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมายืนยันว่า ทราบตัวตำรวจยศ พ.ต.ท. แล้ว เป็นผู้คัดลอกทะเบียนราษฎร์ให้กับตน ในการเข้าถึงข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคล โดยการรับจ้างคัดลอกข้อมูลนั้น ตนยืนยันว่าไม่เคยมีการรับจ้างคัดลอกข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ซึ่งพร้อมให้มีการตรวจสอบ แต่หากมีการแจ้งความดำเนินคดี ตามที่พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ให้ข่าว ก็จะมีการฟ้องกลับทันที
ส่วนกรณีที่มีการนำหลักฐานว่าเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเคยโพสต์ข้อความรับจ้างคัดลอกข้อมูลทะเบียนราษฎร์ข้อมูลละ 1,000 บาท นั้น ยอมรับว่าเป็นแอดมินเพจโพสต์เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งตนในได้ไล่ออกไปแล้ว