วันที่ 6 ม.ค. 62 สรุปผลกระทบจากพายุโซนร้อน "ปาบึก" โดยมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด ใน 90 อำเภอ รวม 212,784 คน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และสูญหาย 1 ราย
ขณะที่ จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังจากพายุปาบึกได้อ่อนกำลังลง แล้วพัดผ่านไปยังทะเลอันดามันแล้ว ที่หมู่ 10 บ้านปากฮาย ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ ยังพบปัญหาน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ โดยถนนภายในหมู่บ้าน ถูกกระแสน้ำตัดขาด พื้นที่บางจุดซึ่งถูกน้ำท่วม ขณะนี้น้ำได้ลดลงแล้ว โดยช่วงที่มีพายุเข้า พบว่าบ้านเรือนหลายหลังถูกลมกรรโชกพัดหลังคาและหน้าต่างไป และสวนปาล์มของชาวบ้านได้รับความเสียหาย
นายสุวิทย์ บุญเหลือ เจ้าของบ้าน ผู้ประสบภัย ถูกน้ำป่าไหลซัดบ้านบ้านหายไปทั้งหลัง เปิดเผยว่า ช่วงที่มีการประกาศเตือนให้อพยพ ตนได้ขนย้ายไปพักบ้านลูกที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 62 กระทั่งเพื่อนบ้านโทรศัพท์มาบอกว่าบ้านของตนถูกกระแสน้ำพัดไปแล้ว ตนจึงรีบขึ้นมาดูเมื่อมาดูก็พบว่าหายไปทั้งหลัง เหลือเพียงซากไม้บางส่วน
ทั้งนี้ ภรรยาของตนถึงกับทำใจไม่ได้ ไม่กล้าขึ้นมาดูบ้าน เนื่องจากบ้านหลังนี้อยู่มาตั้งแต่ พ.ศ.2532 หลังจากเกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ ตนก็ได้มาซื้อที่ทำต้นปาล์มแล้วปลูกบ้านด้วยกัน ตนก็รู้สึกใจหาย ถึงกับเข่าทรุด ภรรยาตนก็ถึงกับร้องไห้ ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปสร้างบ้านใหม่ ได้แต่เก็บเศษซากไม้ที่เหลืออยู่ไปทำเพิงพักบ้าน
นายสุวิทย์ เล่าว่า เมื่อก่อนนี้กระแสน้ำไม่ได้ไหลพัดผ่านบ้านตน แต่พายุครั้งนี้ทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทิศ น้ำมาเร็วและแรง ไม่กี่วันก็พัดเอาบ้านตนไปทันที โดยก่อนที่จะประสบเหตุนี้ ไม่ได้มีการประกาศเตือนว่าจะมีเหตุบ้านถล่ม ตามข่าวบอกว่ามีพายุ รอบบ้านตนปลูกสวนต้นปาล์มไว้ ก็ต้องถูกน้ำพัดหายไปหลายสิบต้น เบื้องต้น นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ ได้เข้ามาพูดคุยแล้วว่าให้รอทางจังหวัดช่วยเหลือต่อไป