เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.พ. 65 ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งพบศพถูกฆ่ายัดกล่องพลาสติกสีดำ มัดด้วยเชือกยืดรัดของ อยู่ภายในพงหญ้า หลังบ้านพักคนงานแพล้นปูน หมู่ 7 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี
ที่เกิดเหตุพบศพหญิง ทราบชื่อนางสาวสุมิตา พลเสน หรือ เต็น อายุ 18 ปี สภาพศพเปลือยมีหนอนไต่ ท่อนล่างมีรอยเขียวฟกช้ำตามลำตัว
สวมเสื้อฟุตบอลสีน้ำเงินทีมบุรีรัมย์เอฟซี ที่เท้าทั้ง 2 ข้างใช้กางเกงมัดไว้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง นำศพส่งพิสูจน์หลักฐานที่ รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี
วันที่ 4 ก.พ. 65 ชุดสืบสวนจากตำรวจเมืองสุพรรณบุรี และตำรวจภูธรสุพรรณบุรี ลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะมือถือสีแดงของคนตายที่หายไป เจ้าหน้าที่ได้มีการปูพรหมค้นหา และยังได้ใช้เครื่องตรวจหาวัตถุจำนวน 3 เครื่อง สแกนหาบริเวณพงหญ้าหลังแคมป์คนงาน บริเวณทุ่งนาที่คาดว่าจะเป็นรัศมีในการทิ้งของกลาง
เบื้องต้นจากการค้นหาประมาณ 1 ชั่วโมง ยังไม่พบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยมีการขว้างปาไปพร้อมกับกล่องยัดศพ
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.สุมิตา พลเสน ทำงานอยู่กับพ่อและพี่สาว หายออกจากบ้านพักคนงานไปตั้งแต่คืนวันที่ 30 ม.ค. 65 ที่พักคนงานมี 2 ชั้น ซึ่ง น.ส.สุมิตา พักอยู่ชั้นบนห้อง 12 คนเดียว ส่วนพ่อผู้ตายพักอยู่อีกห้อง
โดยเช้าวันที่ 31 ม.ค. 65 พ่อผู้ตายได้โทรตามหาลูกสาวให้มากินข้าวแต่ติดต่อไม่ได้ จึงได้ตามหาและไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมือง จนมีคนงานอีกคนมาพบถูกฆ่ายัดในกล่อง ทิ้งไว้อยู่ในพงหญ้า คลองมโนรา หลังบ้านพักคนงานแพล้นปูน
นางสาวสมใจ (นามสมมติ) คนเจอศพคนแรก เปิดเผยว่า ตนเองเดินตามพนักงานจดมิเตอร์น้ำ ซึ่งไปยืนอยู่ด้านหลังของห้องพักแคมป์คนงาน จังหวะนั้นเจอถุงดำคลุมกล่องบางอย่าง จึงได้พูดอุทานขึ้นมาว่า "ในนั้นมีศพแน่เลย" จากนั้นก็ได้เรียกให้พี่ชายและคนในแคมป์ช่วยกันดู แต่ตอนแรกที่เจอกล่องไม่ได้กลิ่นเหม็น จนกระทั่งพี่ชายตัดสินใจที่ใช้ไม้เขี่ยถุงดำฉีกออก มีกลิ่นเหม็นเน่าออกมาเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นผมของผู้หญิงโผล่ออกมา มั่นใจว่าในนั้นคือร่างของผู้ที่หายไป
ทั้งนี้ ในคืนวันที่ 31 ม.ค. คนตายได้มีการคุยโทรศัพท์จนกระทั่งถึงเที่ยงคืน และสายตัดไป จากนั้นทุกคนก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก จนกระทั่งพบว่ากลายเป็นศพถูกยัดในถังพลาสติกทิ้งอยู่ด้านหลังห้องพัก เรื่องของความผิดสังเกต ก็ไม่มีใครคาดคิด เพราะในคืนนั้นทุกห้องก็มักจะมีการทำกับข้าวเสียงดัง ไม่ได้ยินเสียงว่ามีการทำร้ายร่างกายกันหรือไม่ ส่วนใหญ่ก็จะได้ยินเสียงคนทำกับข้าวอยู่ในห้อง ที่สำคัญตัวของคนตายเป็นคนตัวเล็ก หากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ ส่งเสียงให้คนรอบข้างได้ยินก็น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะแค่การสื่อสารบางครั้งคนตายยังพูดน้อยและพูดเบา
สำหรับนิสัยของคนตาย ปกติแล้วจะเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับใคร เก็บตัวเงียบ มักจะคุยโทรศัพท์กับแฟนชาวลาว แต่จะมีพฤติกรรมประจำวัน คือออกไปตากเสื้อผ้าที่ราวบริเวณหน้าห้อง จุดดังกล่าวจะเป็นรอยต่อระหว่างหน้าห้องของคนตายกับหน้าห้องของผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้นายธนากรแอบมองจากหน้าต่างบานเกร็ด และดูความเคลื่อนไหวของคนตายได้ ทำให้แอบคิดแอบชอบ และเข้ามาลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
นายประสาน หมทอง อายุ 53 ปี พ่อของผู้ตาย เปิดเผยว่า ครั้งสุดท้ายที่ตนเจอกับนางสาวสุมิตา หรือ เต็น ผู้ตาย คือวันที่ 30 ม.ค. ตนกับนางสาวเต็นได้ไปเดินซื้อของที่ตลาดนัดด้วยกัน และยังพูดคุยกันปกติ กลับมานางสาวเต็นก็ออกไปข้างนอกกับพี่สาว และกลับเข้าห้องนอน เพราะนางสาวเต็นไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่
ต่อมาวันที่ 31 ม.ค. เวลาประมาณ 07.00 น. ตนจะโทรตามให้นางสาวเต็นมากินข้าว เพราะตนจะทำข้าวให้กินทุกวัน แต่พอโทรไปโทรศัพท์กลับปิดเครื่อง และบอกให้ฝากข้อความไว้ ตนเลยโทรไปหาลูกสาวอีกคน ที่เป็นพี่สาวของนางสาวเต็นที่พักอยู่ห้องข้างล่างว่ นางสาวเต็นได้ไปหาไหม แต่ลูกสาวอีกคนไม่พบ ไปดูรถจักรยานยนต์ก็ยังจอดอยู่ที่เดิม เริ่มโทรหาโทรหาคนรอบข้าง แต่ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียงกันว่าลูกสาวไม่ได้ติดต่อไป เลยเอะใจว่าลูกสาวต้องถูกอุ้มไป
ทั้งนี้ มีแม่กุญแจล็อกอยู่หน้าห้อง ตนเลยงัดห้องเข้าไป และพบว่าพัดลมในห้องยังเปิดค้างไว้ ส่วนสร้อยทองที่ใส่ประจำ และจะถอดเฉพาะตอนอาบน้ำยังวางไว้อยู่ที่เดิม รวมถึงรองเท้า และข้าวของทุกชิ้นยังคงอยู่ในห้อง ไม่มีของหาย แต่ที่หน้าแปลกใจ คือที่เบาะนอนมีรอยเปียกคล้ายกับทำน้ำหก แต่ผ้าห่มที่วางไว้บนที่นอนนั้นหายไป ตนจึงเชื่อว่าต้องมีคนนำผู้ตายอุ้มยัดผ้าห่มไปด้วย
ทั้งนี้ตนตามหามากว่า 5 วันแล้ว ประกาศหาลูกสาวตามเฟซบุ๊กแต่ไม่มีเบาะแส อีกทั้งยังทำเรื่องไปที่สถานีโทรศัพท์เพื่อให้เช็กสัญญาณโทรศัพท์ให้ แม้แต่ไปหาหมอดูก็ทำ แต่หมอดูทำนายว่ายังอยู่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะลูกสาวติดโทรศัพท์ และไม่เคยปิดโทรศัพท์เช่นนี้
กระทั่ง เมื่อเช้านี้มีคนงานมาเคาะห้อง และบอกว่าเห็นกล่องดำอยู่ข้างตึก ให้ตนไปดู เพราะได้กลิ่นเหม็นออกมาจากกล่อง ตนเลยเข้าไปดูโดยเริ่มแรก ตนได้ใช้ไม้เขี่ย จากนั้นและแขนของศพได้ดีดออกมา ตนเลยรู้ทันทีว่าเป็นลูกสาวแน่ ๆ เพราะเสื้อผ้าที่ถูกยัดใส่กล่องคือของลูกสาว ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนทำแล้ว บุคคลดังกล่าวทำงานอยู่คนละแผนกกัน และไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เลยไม่ทราบนิสัย และไม่ได้มีความเกี่ยวพันอะไรกับลูกสาว ทั้งนี้ ตนอยากจะให้มามอบตัว และอยากจะถามว่า ทำไมถึงทำกับลูกสาวของตนเช่นนี้ แต่ก่อนที่จะถามตนขอกระทืบก่อน อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ได้รับโทษขั้นสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนเป็นห่วงลูกสาว และคิดถึงมาโดยตลอด ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
จากรายงานข้อมูลชุดสืบสวน หลังจากที่พบศพของนางสาวสุมิตา มีการเข้าไปคุมตัวผู้ต้องสงสัยคือ นายธนากร เป็นคนงานที่อาศัยอยู่ข้างห้องติดกับคนตาย คุมตัวได้ที่ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ นายธนากร ให้การกับพนักงานสอบสวนเบื้องต้นว่า ในวันเกิดเหตุได้ทะเลาะมีปากเสียงกับคนตาย จากนั้นจึงได้บันดาลโทสะใช้มือบีบคอ จนกระทั่งนางสาวสุมิตาถึงแก่ความตาย
ก่อนที่จะหากล่องพลาสติกภายในห้องสีดำ มาอำพรางร่างของคนตาย เพราะเนื่องจากคนตายเป็นคนตัวเล็ก จึงสามารถที่จะยัดลงไปในกล่องพลาสติกได้ นำร่างยัดลงไปในถัง พร้อมกับถอดกางเกงของคนตายมัดไว้ที่ข้อเท้า เพื่อไม่ให้ศพดีดออกมา ก่อนที่จะมีการปิดฝา นำถุงดำมาคลุม ใช้เชือกรัด ก่อนที่จะไปเรียกคนงานพม่าในแคมป์เดียวกันมาช่วยยกไปทิ้ง อ้างว่าเป็นขยะ หลังจากที่มีการทำลายหลักฐานเสร็จ ก็ได้มีการขว้างปามือถือไปยังด้านหลังแคมป์คนงาน แล้วหลบหนีและไปที่บ้านเกิดใน จ.กาฬสินธุ์
นอกจากนี้ นายธนากรอ้างว่ามีการแอบคบหาและพูดคุยกับคนตาย วันเกิดเหตุคนตายอยากจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วย แต่ไม่สามารถพากลับไปได้ เพราะมีครอบครัวอยู่แล้ว จึงได้ทะเลาะมีปากเสียงและก่อเหตุ
นายโมย ชาวเมียนมา คนที่ผู้ก่อเหตุขอให้ช่วยยกกล่องดำ เปิดเผยว่า วันอังคารที่ผ่านมา 1 ก.พ. เวลาประมาณ 21.00 น. ขณะที่ตนเลิกงาน และยืนอยู่แถวหน้าห้องของตัวเองห้องพักอยู่ชั้น 1 ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาเรียกตน และขอให้ไปช่วยยกขยะ เพราะขยะเต็มห้องแล้ว จากนั้นตนได้เดินตามผู้ก่อเหตุมาที่ชั้น 2 ก่อนจะตามเข้าไปในห้อง และพอตนช่วยยกเพื่อช่วยยกกล่องสีดำ ซึ่งวางอยู่ในห้องน้ำ เมื่อตนยกกล่องขึ้นก็กล่าวกับผู้ก่อเหตุว่าขยะนี้หนักมาเลย ใช่ขยะหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายยังคงยืนยันว่าใช่ ตนเลยไม่ได้เอะใจอะไร และช่วยยกจนมาถึงด้านล่าง กล่องใบดังกล่าวมีน้ำหนักราว 50 กิโลกรัมได้ มีกลิ่นเหม็นแปลก ๆ ลอยมา
กระทั่งญาติของผู้ตายไปเจอกล่อง และศพอยู่ข้างใน ตนก็รู้สึกตกใจมาก และไม่คิดว่าขยะที่ยกมานั้นจะเป็นร่างของคนที่หายตัวไป ส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับผู้ก่อเหตุเป็นการส่วนตัว และไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน แต่อยู่ดี ๆ ผู้ก่อเหตุก็มาขอความช่วยเหลือ ส่วนผู้ตายตนก็เพิ่งจะมาเห็นหน้า จากในรูปภาพที่ตำรวจเปิดให้ดู เพราะทำงานอยู่คนละส่วนกัน
ทีมข่าวสำรวจห้องพักบนแคมป์คนงานที่ชั้น 2 ห้องของคนตายคือห้องที่ 4 นับจากทางซ้าย ส่วนห้องของนายธนากรผู้ต้องสงสัยคือห้องที่ 3 อยู่ติดกับห้องของคนตาย หลังจากที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มีการนำไม้มาเอาออกประตูปิดกั้นเอาไว้ พราะยังไม่มีการเก็บหลักฐานบางอย่าง
นายสุบิน (นามสมมติ) เพื่อนข้างห้องคนตาย อนุญาตเปิดแผ่นฝ้าเพดาน เพื่อให้ทีมข่าวเก็บภาพช่องว่างใต้หลังคา เมื่อสังเกตอย่างละเอียด มีช่องถูกเปิดลักษณะเหมือนถูกฉีกออกจากกัน ระหว่างห้องของผู้ต้องสงสัยกับห้องของคนตาย แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปดูได้ใกล้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาต แต่ถ้าเทียบกับที่กั้นห้องอื่น อยู่ในลักษณะปกติ มีการยึดติดเอาไว้เป็นแผ่น ไม่ได้มีร่องรอยของการฉีกขาดเหมือนเช่นแผ่นที่กลางกั้นห้องระหว่างคนตายกับคนก่อเหตุ
นายสุบิน เปิดเผยว่า แม้ว่าตนเองจะอยู่ข้างห้องของคนตาย แต่ส่วนใหญ่เวลาเข้างานก็จะเข้าคนละช่วงเวลากัน อาจจะเข้าก่อนหรือเลิกเร็วต่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ปกติคนตายก็อยู่แต่ห้องไม่ได้ออกไปไหน ในคืนวันเกิดเหตุตนเองก็ไม่ได้ยินเสียงความผิดปกติ เพราะได้ยินแต่เสียงคนตำน้ำพริกทำกับข้าว ดังนั้นหากจะมีการทำร้ายกันภายในห้อง ก็จะแยกออกยากว่าระหว่างเสียงคนทำกับข้าวหรือคนทำร้ายกัน
สำหรับจุดที่พ่อของคนตายตั้งข้อสังเกตว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการปีนขึ้นที่ใต้หลังคาลงมาผ่านฝ้าเพดานนั้น ส่วนตัวมองว่าก็มีความเป็นไปได้ แต่การที่จะปีนขึ้นไปก็ต้องมีของที่จะยกสูงขึ้นไปถึงฝ้าเพดาน และเมื่อลงมาอีกฝั่งก็จะสามารถลงไปได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีคนรู้เห็น แต่ถ้าหากจะมีการเข้าไปก่อเหตุบริเวณทางประตูด้านหน้า ค่อนข้างที่จะยากลำบาก เพราะมีคนพลุกพล่านตลอดเวลา รวมถึงเป็นส่วนที่หันหน้าไปทางแผ่นปูนจุดที่ทำงานกัน อาจมีการมองเห็นความเคลื่อนไหวได้ง่าย ส่วนด้านหลังที่เป็นบานเกร็ด ก็ไม่สามารถที่จะปีนออกไปหรือเดินผ่านได้ เพราะเนื่องจากไม่มีระเบียง มีเพียงแค่บานเกร็ดและผนังชัน หากจะมีการก่อเหตุก็คงจะใช้วิธีการปีน เพราะเป็นการปิดบังสายตาได้ดีที่สุด
นายเค แฟนหนุ่มของผู้ตาย อาศัยอยู่ที่ประเทศลาว พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุ 31 ม.ค. ตนเองคือคนสุดท้ายที่คุยโทรศัพท์กับคนตาย เป็นการโทรทิ้งเอาไว้จนกระทั่งเผลอหลับ ตื่นขึ้นมาสายตัดไปแล้ว ซึ่งจำได้ว่าเป็นช่วงหลังเที่ยงคืน จากนั้นเมื่อตกใจตื่นจึงได้โทรกลับหาคนตาย แต่ไม่มีใครรับสาย และหายตัวไปนับตั้งแต่หลังเที่ยงคืนที่สายตัดไป และก่อนที่สายจะตัด ก็ยังมีการพูดคุยกันปกติ ตัวของคนตายก็ไม่ได้บอกว่ากำลังจะเกิดเหตุอะไรขึ้น และในสายตัวเองก็ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติแต่อย่างใด จนกระทั่งช่วยแนะนำครอบครัวเพื่อหาเบาะแส ก่อนที่จะพบว่ากลายเป็นศพถูกยัดถังพลาสติกสีดำ
ตลอดที่ผ่านมาที่มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ตัวของแฟนสาวก็ไม่เคยพูดถึงเพื่อนข้างห้อง หรือนายธนากร ผู้ก่อเหตุ ตนเองจึงยากที่จะคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงถูกทำร้าย แต่ถ้าหากว่าแฟนสาวเกี่ยวข้องหรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายธนากรยิ่งมีความเป็นไปได้ยาก พบกับปกติแฟนสาวคุยโทรศัพท์กับตนเอง กลับออกไปทำธุระหรือไปทำงาน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักเป็นการส่วนตัว
นางรำพา พลเสน อายุ 46 ปี แม่ของคนตาย เดินทางมาที่หลังแคมป์คนงาน ตามหากล่องพลาสติกสีเขียว เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นกล่องที่หายไปจากห้องลูกสาว พบชิ้นส่วนแตกเฉพาะส่วนของหูหิ้วทิ้งอยู่ด้านหลังห้องพัก บริเวณละแวกเดียวกันกับที่พบกล่องพลาสติกสีดำที่บรรจุร่างของนางสาวสุมิตา มีแค่เพียงบางชิ้นส่วน เจ้าตัวจึงเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูก ทั้งนี้ ได้เตรียมถังใส่น้ำ ซึ่งอ้างว่าเป็นน้ำมนต์ที่เอามาจากวัด ใช้กิ่งต้นไม้ยมสำหรับใช้ประพรมบริเวณด้านหลังแคมป์คนงานที่เกิดเหตุ พูดตลอดว่า "แม่อยากเจอลูก อยากให้ลูกมาหาแม่ อยากให้มาบอกว่าเค้าทำกับลูกอย่างไร"
นางรำพา เปิดเผยว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุกับลูกสาว ก็ไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต ลูกสาวก็ไม่เคยที่จะพูดให้ฟังว่ามีคนมาแอบชอบ หรือแอบมอง เพราะโดยปกติหากมีอะไรผิดสังเกตลูกสาวก็มักจะโทรบอกตัวเองตลอด ยกเว้นก็มีการพูดคุยและคบหากับหนุ่มชาวลาว ชายคนดังกล่าวลูกสาวก็เคยเปิดกล้องวิดีโอคอลให้ตัวเองเห็นหน้า และบอกให้รับรู้ว่ากำลังคบหากัน ฉะนั้นตนเองจริงยืนยันว่าตัวของนายธนากรไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกสาว และจากคำกล่าวอ้างที่บอกว่ามีการพูดคุยกับลูกสาวนั้นไม่เป็นความจริง เพราะถ้าหากลูกสาวคบหาหรือคุยกับใคร ตัวเองก็ต้องรู้ ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดคิดไปเอง ที่คนร้ายแอบชอบลูกสาวอยู่ฝ่ายเดียว เพราะเนื่องจากมีห้องอยู่ใกล้กัน
ส่วนกรณีเรื่องของกล่องพลาสติกสีเขียวในห้องที่หายไป เบื้องต้นตนเองยังไม่ได้ดูอย่างละเอียด เพราะตำรวจมีการปิดห้องไม่ให้คนเข้าออก จากชิ้นส่วนและเศษของกล่องพลาสติกสีเขียว เป็นถังที่อยู่ในห้อง แต่ทำไมถึงเจอเพียงแค่บางส่วน ไม่รู้ว่าส่วนที่เหลือหายไปไหน และมีการใช้อำพรางร่วมด้วยหรือไม่ ตนเองยังคาใจในประเด็นนี้อยู่จึงอยากที่จะดูอย่างละเอียด แต่สำหรับถังพลาสติกสีดำที่เจอ ยืนยันว่าไม่ใช่ของห้องลูกสาว คาดว่าน่าจะมาจากห้องของคนก่อเหตุ
นายนิรันดร์ (นามสมมติ) น้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเเผยว่า วันที่ 1 ก.พ. นายธนากร ผู้ก่อเหตุ ได้มาบอกกับตนว่าคิดถึงลูก อยากจะกลับไปหาลูก และขอให้ตนพากลับบ้าน ตนดูอาการของนายธนากรแล้วไม่ค่อยดี ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าหลานชายเป็นคนอารมณ์ร้อน เลยไม่ได้ขัดอะไร และพาไปส่งที่ท่ารถในย่านวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ขึ้นรถกลับบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์