เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.พ. 65 ตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งพบศพถูกฆ่ายัดกล่องพลาสติกสีดำ มัดด้วยเชือกยืดรัดของ อยู่ภายในพงหญ้า หลังบ้านพักคนงานแพล้นปูน หมู่ 7 ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี
ที่เกิดเหตุพบศพหญิง ทราบชื่อนางสาวสุมิตา พลเสน หรือ เต็น อายุ 18 ปี สภาพศพเปลือยมีหนอนไต่ ท่อนล่างมีรอยเขียวฟกช้ำตามลำตัว สวมเสื้อฟุตบอลสีน้ำเงินทีมบุรีรัมย์เอฟซี ที่เท้าทั้ง 2 ข้างใช้กางเกงมัดไว้ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง นำศพส่งพิสูจน์หลักฐานที่ รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี
ล่าสุด เวลา 17.30 น. ชุดสืบสวน สภ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ได้เข้าตรวจสอบติดตามตัวนายธนากร อรัญทอง หรือ แป๊บ อายุ 19 ปี ได้ที่บ้านภรรยา บ้านหนองมะงง ม.4 ต.คำบง อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์
วันที่ 5 ก.พ. 65 นางสาวปิยะพรณ์ กาญจันดา หรือ อูน อายุ 18 ปี ภรรยาของนายธนากร เปิดเผยว่า ตนเองคบกับนายธนากรมาได้ 1 ปีกว่า เจอกันในโรงเรียนก็เลยคุยกันเรื่อยมา ซึ่งช่วงที่ผ่านมาที่คบกันนายธนากรก็ปกติดี เเต่อารมณ์ร้อน ยิ่งถ้ามีการเสพยาก็จะอารมณ์ฉุนเฉียว มากขึ้น ตนพูดอะไรด้วยไม่ได้เลย ตนเคยเคือนเคยห้ามเเล้ว เเต่ก็ไม่ฟัง พยายามให้สามีไปทำงาน เผื่อจะดีขึ้น เเต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กลับมาถึงบ้านก็ยังเสพยาอยู่เหมือนเดิม เวลาทะเลาะกันนายธนากรไม่เคยทำร้ายร่างกาย เเต่มักจะขังตนให้อยู่ในห้องไม่ให้ออกไปไหน นายธนากรเคยนอกใจตนบ้าง เเต่ตนก็จับได้เสมอ ตอนนี้ตนเเละนายธนากรมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน เพิ่งคลอดลูกไปเมื่อเดือนตุลาคม 2564 อายุลูกสาวตอนนี้ประมาณ 4 เดือนเเล้ว
ก่อนหน้านี้ นายธนากรก็มักจะไปทำงานที่ต่างจังหวัด 2 เดือนจะกลับมาที่บ้านครั้ง จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2564 นายธนากร ได้ไปทำงานที่ จ.สุพรรณบุรี เเละมักจะส่งเงินมาให้ที่บ้านใช้สัปดาห์ละ 2,000 บาท เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา สามีก็เพิ่งจะกลับมาที่บ้านได้ 2-3 วัน ก่อนจะกลับไปทำงานที่ จ.สุพรรณบุรี เเละเพิ่งจะกลับมาอีกครั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา บอกว่าทำงานเหนื่อย คิดถึงลูกจึงกลับมาบ้าน ตนเองก็แปลกใจว่าทำไมสามีกลับมารอบนี้ผิดปกติ คือไม่มีกระเป๋าเสื้อผ้า มาตัวเปล่ากับกระเป๋าตังค์เท่านั้น
ซึ่งพฤติกรรมช่วงที่ผ่านมา ที่สามีอยู่ที่บ้าน ก็แปลกไป ซึม ๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา อยู่เล่นเเต่กับลูกตามปกติ ไม่ออกไปที่ไหน เเละไม่มีการเสพยาเสพติดอีก จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. สามีกำลังทำหลังคาอยู่หน้าบ้าน ก็มีตำรวจมาที่บ้านเพื่อมาจับสามีในข้อหาฆ่าคนตาย ตนยอมรับว่าตกใจมาก สั่นจนทำอะไรไม่ถูก ตนถามสามีว่าทำเขาทำไม สามีก็บอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง พอตนเเละลูกไปหาที่โรงพัก สามีก็บอกอีกว่า "ถ้าจะมีคนใหม่ก็มีไปเลย แต่อย่าทิ้งลูก หลังจากนี้อยู่ได้ใช่ไหม" ซึ่งตนก็คิดไว้เเล้วว่าหลังจากนี้ถ้าลูกหย่านมเเล้ว ตนก็คงต้องออกไปหางานทำ
นางสาวปิยะพรณ์ เผยอีกว่า ตนเองไม่เคยรู้จักกับนางสาวสุมิตา ผู้เสียชีวิตมาก่อนเลย สามีก็ไม่เคยพูดถึงหรือเล่าอะไรให้ฟัง เเละช่วงประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนเกิดเหตุ สามีก็ชอบโทรมาหาตนตอนช่วงดึก ๆ หลังกินเหล้าเเล้ว เเละจากปกติที่สามีจะโอนเงินมา อาทิตย์ 2,000 บาท เเต่พักหลัง ๆ โอนมาเเค่อาทิตย์ละ 500 บาทเท่านั้น เเต่ตอนนั้นตนก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร พอมารู้ข่าวตอนนี้จึงคิดว่าสามีเอาเงินไปทำอะไรหมด
ทีมข่าวอมรินทร์เดินทางลงพื้นที่ ม.11 ต.หนองแวง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ พื้นที่จับกุมตัวผู้ต้องหา นางประกาย วงค์ไชยชาญ อายุ 45 ปี ป้าของผู้ต้องหา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนเองเป็นคนเลี้ยงดูหลานชายที่เป็นเหมือนลูกชายอีกคน มาตั้งเเต่เขาอายุได้ 3 เดือน หลานชายเป็นน่าสงสาร เนื่องจากพ่อเเม่เเยกทาง เเม่ไปอยู่ จ.หนองคาย ส่วนพ่อหลังจากประสบอุบัติเหตุ ก็มีอาการทางสมอง เมื่อรักษาหายก็ได้มาบวชพระอยู่ที่วัดใกล้บ้าน เเละไม่สึก
ตนเลี้ยงหลานมาพร้อมกับลูกของตัวเอง พยายามสอนให้เขาเป็นคนดี นิสัยใจคอของหลานชายตอนเด็กก็เป็นคนพูดง่าย เชื่อฟัง เเต่พอโตมาก็เริ่มดื้อ อารมณ์ร้อน ฉุนเฉียว พอส่งไปเรียนที่โรงเรียนในเมืองก็เรียนไม่จบ ติดเกมติดเพื่อน ซ้ำยังติดยาเสพติด จนต้องเลิกเรียนไปในช่วง ม.2 เเละมีคดีติดตัวคือคดียาเสพติด ไม่มีประวัติทำร้ายร่างกายคนอื่นมาก่อน รวมถึงคนในครอบครัวก็ไม่เคยทำร้ายร่างกาย แล้วหลานไปหาทำงานรับจ้างที่ จ.สุพรรณบุรี มา 2 ครั้งเเล้ว ครั้งเเรกไปทำงานก็กลับมาเลือกตั้ง อบต. พอกลับไปทำงานได้อีก 3 วัน ก็ย้ายไปทำงานที่บางน้ำเปรี้ยว ส่วนเมียก็คบกันมานานจนเพิ่งคลอดลูกไป ตอนนี้ลูกอายุได้ 4 เดือนเเล้ว
ช่วงที่ไปทำงานที่ จ.สุพรรณบุรี ตนเห็นหลานชายทำงานก็จะส่งเงินมาให้ลูกเมียใช้ก็สบายใจเเล้ว ไม่เคยรู้เรื่องของน้องเต็น ผู้ตายมาก่อนเลย เพราะหลานชายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ตนไม่รู้ว่าหลานเริ่มเสพยาตั้งเเต่ตอนไหน เเต่ปกติถ้าหลานไม่เสพยาก็จะเป็นคนปกติดี เเต่พอเสพยาก็จะอารมณ์ร้อนฉุนเฉียว ตนพยายามเตือนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวเเล้ว เเต่หลานเลิกไม่ได้
เมื่อวานนี้หลังจากรู้ข่าวว่าหลานฆ่าคนตาย ตนก็ยังงงอยู่เลยว่าหลานชายทำแบบนั้นได้อย่างไร คิดว่าหลายชายน่าจะมีการกลับไปเสพยาเสพติดอีก เพราะไม่ยอมกินข้าว กลับมาที่ จ.กาฬสินธุ์ก็ไปอยู่บ้านเมีย ไม่ได้มาหาป้าหรือยายที่บ้านนี้ เมื่อวานตอนเย็นตอนที่หลานโดนจับที่บ้านเมีย ตนก็ได้ไปหาหลานที่โรงพัก ตนเข้าไปกอดหลาน หลานก็บอกว่า "แม่ ผมทำผิดพลาดไปแล้ว ช่วยดูแลลูกและเมียด้วย ผมยอมรับกรรมที่ก่อ" ตนเห็นสภาพหลานเเล้วไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชะตากรรมจะเป็นอย่างไร จะโกรธก็โกรธไม่ลง สงสาร ก่อนที่หลานชายจะขอเห็นหน้าลูกเมียเป็นครั้งสุดท้าย ตนจึงได้โทรตามมาให้ พอลูกเมียมาถึงหลานชายก็อุ้มกอดหอมลูก เเละบอกเมียว่าจะมีคนใหม่ก็ได้ เเต่อย่าทิ้งลูก ก่อนที่ตำรวจสุพรรณบุรีจะมารับตัวไปตั้งเเต่เมื่อคืนช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.
จากการสอบถามเมียของหลานชายบอกว่าช่วงที่หลานชายกลับมาบ้านช่วงก่อนถูกจับ พฤติกรรมก็แปลกไป ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่ออกไปไหน อยู่เเต่บ้าน เเต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าหลานไปทำอะไรมา ส่วนพ่อของนายแป๊ป หลังจากทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ช็อกไปเลย
ส่วนเรื่องประกันตัว ตนก็ไม่มีเงินไปประกัน อีกอย่างหลานชายก็บอกเเล้วว่าไม่ต้องประกันตัว ส่วนเรื่องการรับผิดชอบเยียวยาครอบครัวคนตาย ตนก็คงไม่ปัญญาหาเงินไปช่วยเหลือ ตนอยากขอโทษเเทนหลานชาย ครอบครัวเขาสูญเสียลูกสาว ส่วนครอบครัวตนสูญเสียหลานชาย ต้องติดคุก ก็เสียใจกันทั้ง 2 ฝ่าย