แฉมาแฉกลับ! เจ้าของแมวโต้ทำรถหรูถูกข่วน ฉะขอแสนแพงไป รถเก่าขับหลายมือ (คลิป)

กรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด พร้อมระบุข้อความว่า “ลูกทำแมวหลุดออกจากบ้านขณะเปิดประตูขึ้นรถโรงเรียน และขึ้นรถบ้านข้าง ๆ กัน เค้าไปแจ้งความ ตำราจแจ้งข้อหาปล่อยสัตว์สัตว์ร้ายเที่ยวตามลำพังทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย คดีขึ้นชั้นศาล คันสีเหลืองเรียกค่าเสียหาย 108,000 บาท บอกว่าเป็นรถหรู ติดสติ๊กเกอร์จึงต้องแพง คันสีดำเป็นป้ายแดง รถเคลือบแก้ว อย่างในคลิปวดีโอน้องไม่ได้ขวนอะไรเลย แต่น้องขึ้นไปนั่งและลงมา เราเจ้าของแมวไปดูในวันเกิดเหตุ ไม่มีร่องรอยอะไรเลยค่ะ มีแค่รอยเท้าฝุ่น วอนสังคมช่วยเราด้วยค่ะ เราโดนฟ้อง 2 คดีแมวขึ้นรถ 2 คัน”

ล่าสุดวันที่ 8 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านลำลูกกา ต.คลองหก พบว่าเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว 2 ชั้นติดกัน รั้วหน้าบ้านมีความสูง 1.5 ม. ส่วนรั้วกั้นระหว่างบ้าน คู่กรณีได้สร้างรั้วเหล็กเสริมสูงประมาณ 2.5 ม.

นายเบน อายุ 28 ปี และนางสาวหยก อายุ 36 ปี (สงวนสกุล) เจ้าของรถคันดังกล่าว เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 62 ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านมาโดยตลอด และเคยไปนั่งดื่มสังสรรค์กันที่บ้านของคู่กรณีด้วย ไม่เคยมีปัญหากัน แต่บ้านของตนไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ตนยอมรับว่ามีแมวเข้ามาที่บ้านบ้าง แต่ไม่ได้ติดใจเอาความ กระทั่งตนได้ออกรถ BMW X1 จากนั้นไม่ถึง 1 สัปดาห์ มีแมวตัวสีดำปีนขึ้นมาบนรถทั้ง 2 คัน ทำให้รถเกิดความเสียหาย ตนจึงเข้าไปแจ้งสามีของคู่กรณี สามีคู่กรณีจึงรับปากว่าจะสร้างกรงแมว พร้อมให้ภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของแมว เข้ามาขอโทษ

จากนั้นตนตัดสินใจติดกล้องวงจรปิด กระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม 63 มาเห็นภาพแมวสีส้มปีนขึ้นบนหลังคารถทั้ง 2 คัน โดยรถยี่ห้อโลตัส อีโวร่า มีรอยเท้า-รอยข่วน รวม 8-9 จุด รอบคันรถ ก่อนที่จะนำไปส่งซ่อม ช่างประเมินความเสียหาย 108,000 บาท เนื่องจากเป็นวัสดุจากอเมริกา โดยรอยที่ถูกขีดข่วนลึกไปถึงสีรถจริง จึงต้องเปลี่ยนสติกเกอร์รอบคัน และเคลือบสีตัวรถชั้นใน ซึ่งตนออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

ส่วนรถบีเอ็ม มีรอยเสียหาย 2 จุด คือ บริเวณกระจกหน้ารถ จากการที่แมวขึ้นไปสไลด์กระจกลงมา ทำให้ต้องเปลี่ยนกระจกใหม่ทั้งบาน และอีกจุด คือ บริเวณแก้มด้านหน้ารถฝั่งซ้ายมีรอยขีดข่วน จากการที่แมวกระโดดลงมา และบริษัทประกัน เป็นผู้ฟ้องเจ้าของแมว ซึ่งในระหว่างที่รถกำลังส่งซ่อม ก็ได้ตั้งหน้าตั้งตารอให้คู่กรณีเข้ามาขอโทษ แต่ก็ไม่มีคำขอโทษใด ๆ ตนจึงตัดสินใจนำเอกสารพร้อมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.ลำลูกกา ซึ่งตำรวจบอกว่าเรื่องนี้สามารถไกล่เกลี่ยได้ แต่คู่กรณีกลับไม่เข้าไปไกล่เกลี่ย พร้อมท้าทายให้ไปฟ้องศาล

นอกจากนี้ ตนขอชี้แจงว่าก่อนที่จะเข้ามาพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ รถทั้ง 2 คัน ไม่เคยมีรอย เนื่องจากตนรักษารถดีมาก ๆ โดยศาลชั้นต้นพิจารณาให้ไกล่เกลี่ยกัน คู่กรณีจึงยอมขอโทษ และให้เข้าไปเจรจาภายในบ้านของกรณี พอกลับมาที่บ้านตนตัดสินใจเรียกค่าเสียหายเพียง 50,000 บาท แลกกับการถอนฟ้อง เพื่อจะนำหลักฐานการโอนไปให้ทนายความ คดีจะได้สิ้นสุดลง แต่คู่กรณีไม่ยอมโอนเงิน และยังเอ่ยปากขอโทษแบบไม่เต็มใจ

กระทั่งวันที่ 16 ธันวาคม 64 ศาลชั้นต้นตัดสินให้เจ้าของแมวชดใช้ค่าเสียหาย เป็นเงินทั้งสิ้น 57,000 บาท แต่เจ้าของแมวยังยืนกรานว่าจะไม่ชดใช้ พร้อมกับยื่นอุทธรณ์ ตนยอมรับว่าที่ผ่านมาแมวของเพื่อนบ้าน ได้เข้ามาก่อกวนและสร้างความเสียหายหลายครั้ง ขณะเดียวกันหลังเกิดเรื่องฟ้องร้อง เพื่อนบ้านยังเข้ามาข่มขู่ว่าจะใช้ปืนยิง ซ้ำดูถูกว่าเป็นคนต่างด้าว ทั้งที่พวกตนเป็นชาวสิงค์โปร์ที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย ตอนนี้รู้สึกอึดอัดใจวางแผนไว้ว่าจะขายบ้านทิ้ง แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่น ตนซื้อบ้านราคา 4.5 ล้านบาท ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนบ้านแบบนี้

ด้านนางสาวภัทรวดี ภูมิภักดิ์ อายุ 42 ปี เจ้าของแมว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของตนและคู่กรณีไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน และบ้านเขาก็ยังเคยมานั่งดื่มสังสรรค์ที่บ้านตนด้วย กระทั่งวันที่ 11 ตุลาคม 63 คู่กรณีได้ทักมาบอกว่า แมวของตนปีนรถคันสีเหลือง และรถคันสีดำ ตนจึงให้สามีไปดู พร้อมกับเข้าไปพูดคุยกับคู่กรณี พอเข้าไปดูพบเพียงรอยเท้าแมวเปื้อนดิน สามีก็ถามว่า "รอยที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากการใช้รถใช่หรือไม่" คู่กรณียืนยันว่า "รอยเกิดจากแมวข่วน" และเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท โดยอ้างว่าได้ประเมินราคามาแล้ว จะจ่ายสดหรือผ่อนก็ได้

"พี่รู้มาว่าเป็นรถมือสอง ผ่านมาถึงเขาเป็นมือที่ 4 แล้ว และเอาออกไปใช้งานบ่อย ไม่ทราบว่าจะเกิดจากร่องรอยอื่นหรือไม่ และก่อนเกิดเรื่องยังเคยมีนกบินมาเกาะรถเขา เพราะไม่ชอบปิดประตูบ้าน พี่เชื่อว่ารอยที่แมวขีดข่วนน่าจะเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ พี่มองว่าน่าจะมีแมวจรจัดตัวอื่น แต่พี่ยอมรับว่าผิดจริงที่ปล่อยแมวออกไป เจ้าเผือกทอง เป็นแมวพันธุ์ไทย เพศผู้ อายุประมาณ 4 ปี เป็นแมวจร ลักษณะนิสัยจะเป็นแมวที่ขี้อ้อน ไม่ดุร้าย และไม่สร้างความรำคาญด้วยค่ะ ส่วนแมวดำไม่ได้ตั้งชื่อให้ เป็นแมวเด็กมีอายุเพียง 1 เดือนเท่านั้น และพี่ไม่เชื่อว่าจะกระโดดขึ้นไปบนรถหรูเองได้" เจ้าของแมว กล่าว 

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนยอมรับว่าไม่มีเวลาดูแล ปล่อยให้ลูกเป็นคนดูแล แต่ตนก็พร้อมที่จะใช้ค่าเสียหายตามสมเหตุสมผล ไม่ได้นิ่งดูดาย ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเลี้ยงแมวจรจัดไว้หลายตัว ปัจจุบันเลี้ยงไว้ 6 ตัว ซึ่งกำลังจะแบ่งให้กับคนที่รักแมวไปเลี้ยง ต่อมามีหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ลำลูกกา ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้สัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ซึ่งตำรวจบอกกับตนให้รับสารภาพว่า เป็นแมวของตน ส่วนเรื่องอื่นให้ไปสู้กันชั้นศาล ตนยังยืนยันว่าเหตุผลที่แมวหลุดไปเป็นเรื่องสุดวิสัย จึงยอมเสียค่าปรับ 500 บาท

นอกจากนี้ ในเบื้องต้นศาลชั้นต้นตัดสินให้ตนจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 57,000 บาท ตนกำลังยื่นอุทธรณ์ เพราะตนยังถูกบริษัทประกันภัยของรถบีเอ็ม ฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นเงินอีก 59,000 บาท ตนก็อยากได้รับความยุติธรรม เพราะตนมองว่าไม่ถูกต้อง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ในมุมมองของตนพบพิรุธของคู่กรณีว่า อาจจะเรียกร้องค่าเสียหายเกินความเป็นจริงหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม ตนยังทราบว่าคู่กรณี เป็นชาวสิงคโปร์ มีพฤติกรรมไม่ชอบแมวมาก่อน อาจทำให้ไม่พอใจ จึงเรียกค่าเสียหายที่แพงเกินกว่าความเป็นจริงหรือไม่ แต่ตนก็ยังรักและหวังดีกับครอบครัวของคู่กรณี และอยากให้ครอบครัวของคู่กรณีสงสารตนบ้าง เห็นใจตน และหันหน้ามาคุยกันดี ๆ

นางสาวฐิตาพร อายุ 25 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนทราบว่าเพื่อนบ้านมีปัญหากันเรื่องแมว แต่ตนไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้แมวตัวสีส้ม มักชอบปีนมาที่หลังบ้านของตน ทำให้ผนังบ้านและด้านหลังบ้านมีแต่รอยเท้าแมว นอกจากนี้ ยังปีนขึ้นมาบนรถ แต่โชคดีรถของตนไม่ได้มีรอยข่วน 

กระทั่งตนได้มีการพูดคุยกัน เจ้าของแมวจึงได้สร้างกรงให้กับแมว พร้อมกับสร้างกำแพงสูง พอสร้างเสร็จต้องยอมรับว่ายังคงมีกลิ่นปัสสาวะและอุจจาระแมว อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้เจ้าของแมวจะรักษาความสะอาด ดูแลแมวให้ดีมากกว่านี้