กรณีน.ส.แพรพลอย แซ่เอี้ย อายุ 24 ปี โพสต์คลิปริมถนนหน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ขณะกำลังชกต่อยกับชายคู่กรณี โดยระบุข้อความว่า "ก่อนหน้านี้เขามาขอชนแก้ว แต่เราไม่ชนด้วย เขาจึงนำเหล้ามาสาดจนตัวเปียก หนูเลยโมโห จึงเป็นไปตามคลิปดังกล่าว แต่ตัวเองเป็นนักมวยด้วย"
หลังจากนั้นน.ส.แพรพลอย ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง และตำรวจได้เร่งติดตามตัวชายคนดังกล่าวจนเจอ จึงนัดทั้งคู่เข้ามาขอโทษกันแล้วเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) เวลา 16.00 น. ที่สน.ห้วยขวาง
กระทั่งนักมวยชื่อดัง “ตุ้ม ปริญญา” โพสต์คลิปวิดีโอ ขณะที่เจ้าตัวทำคลิปขึ้นมาเพื่อสอนมวยไทยศิลปะการป้องกันตัว เมื่อมีคนเอาน้ำมาราดศีรษะ วิธีเตะก้านคอคู่ต่อสู้จะต้องทำอย่างไร พร้อมระบุข้อความว่า “น้องตุ้มโดนผู้ชายเอาน้ำในหม้อนึ่งข้าวราดหัว! สาเหตุไม่ไปนึ่งข้าวเหนียวให้จ้ำแจ่ว!?”
ล่าสุดวันที่ 9 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสเดินทางไปสัมภาษณ์ “ตุ้ม - ปริญญา เจริญผล” กล่าวว่า หลังจากที่ตนเห็นคลิปน้องแพรพลอย ตนก็รู้สึกว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตน คงจะเป็นเหมือนในคลิปที่ตนได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพื่อสาธิตว่าศิลปะมวยไทยต่อสู้อย่างไร ตนขอกล่าวชื่นชมน้องแพรพลอยที่ออกมาปกป้องตัวเอง เพราะตนมีความรู้สึกว่าผู้ชายหน้าตัวเมียมาก ๆ เดินมาข้างหลังแล้วเทน้ำราดใส่เขา
ทั้งนี้ หากตนเป็นน้องแพรพลอย คงจะจัดหนักมากกว่านี้ ตนจะซัดให้หมด ตนไม่ได้คิดว่าตัวเองอวดเก่งหรือเป็นนักเลงข้างถนน แต่การที่ถูกกระทำก็ต้องออกมาป้องกันตัวเอง เพราะตนเป็นนักมวยมืออาชีพที่ชกเฉพาะบนเวทีเท่านั้น ครูบาอาจารย์ปลูกฝังว่าให้ใช้ได้แค่บนเวทีเท่านั้น เพราะการชกมวยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และน่าภาคภูมิใจ แต่ในเมื่อกลายเป็นผู้ถูกกระทำ เราก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง
"พี่มองว่าการกระทำของผู้ชายไม่แฟร์กับผู้หญิง แค่เพราะคุณไปขอเขาชน แล้วเขาไม่ชนแก้วด้วย แล้วผู้หญิงที่รักสวยรักงาม คุณเอาเบียร์ไปราดศีรษะเขา เขาจะรู้สึกอย่างไร มันไม่ใช่เรื่องที่ไปทำแบบนี้กับผู้หญิง และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่ากฎหมายประเทศไทย ไม่แฟร์คือตอนที่น้องแพรพลอยโดนปรับ 1000 บาท เนื่องจากโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย พี่จึงอยากให้กฎหมายแบ่งแยกเป็นกรณีไป กฎหมายควรจะต้องคุ้มครองผู้ที่ถูกกระทำก่อน" ตุ้ม ปริญญา กล่าว
สำหรับประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าอยู่ในอาการมึนเมา ตนมองว่าถ้าเมาทำไมถึงกลับบ้านได้ ทำไมถึงรู้ว่าอยากจะชนแก้ว ถ้าเมาทำไมคุณถึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้สวย อย่าเอาเหตุผลแบบนี้มาเป็นข้ออ้าง แต่ควรเลิกใช้ได้แล้วกับคำที่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเมา และตนก็เห็นด้วยกับการยุติการจ้างงานชายคนดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม และคนที่กระทำแบบนี้ควรได้รับโทษและบทเรียน
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ามีผู้ปกครองให้ความสนใจในการส่งลูกสาวมาเรียนมวยไทยกับตนมากขึ้น เพราะผู้ปกครองไปเห็นคลิปวิดีโอของน้องแพรพลอย เขารู้สึกว่าการส่งลูกเรียนมวยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และผู้หญิงก็สามารถป้องกันตัวเองได้ ตนขอฝากไปถึงน้องแพรพลอยว่า "น้องใจเด็ดมาก ใจกล้ามาก" แต่สิ่งที่ตนเป็นห่วงก็คือน้องตัวเล็กกว่าผู้ชาย ขนาดนักมวยชกกันยังต้องน้ำหนัก ต่อไปเชื่อว่าน้องคงจะเป็นไอดอลของผู้หญิงหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน
Advertisement