กรณีพ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท พร้อมกำลังตำรวจ สน.พญาไท ได้เข้าไปจับกุมตัว น.ส.สุชาดา บัววัด อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 229/2565 ลงวันที่ 7 ก.พ.2565 ข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซอยเปียร์นนท์ 2 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในวันที่ 30 มกราคม 65 ผู้ก่อเหตุทำทีเป็นหมอนวดแผนไทยไปสมัครงานที่ร้านนวด ย่านถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ และทดสอบนวดคอ บ่า ไหล่ และเท้าให้กับเจ้าของร้าน ก่อนจะปลดสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง มูลค่าประมาณ 65,000 บาท ไปแบบไม่รู้ตัว เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังก่อเหตุได้นำสร้อยทองไปขายแถวลำลูกกา คลอง 3 ได้เงินจำนวน 48,000 บาท โดยจะนำเงินไปเก็บไว้ใช้จ่ายและเตรียมตัวคลอดลูก เพราะตั้งท้องลูกคนที่ 3 ได้ 6 เดือน
ล่าสุดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังร้านนวดแผนไทย “รีวิว มาสสาจ” ตั้งอยู่ริมถนน ซอยเพชรบุรี 12 จึงได้พูดคุยกับนางสาวรัชดาภรณ์ ดิษสวน อายุ 38 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายล่าสุด กล่าวว่า ร้านของตนมีพนักงานทั้งหมด 9 คน ชาย 2 คน หญิง 7 คน ซึ่งตนต้องการรับสมัครพนักงานเพิ่มให้ครบ 13 คน
กระทั่งวันที่ 30 มกราคม 65 เวลาประมาณ 20.30 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาขอสมัครงานเป็นพนักงาน ซึ่งตนก็ได้ขอใบรับรองอบรมการนวด แต่อีกฝ่ายอ้างว่าเพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด ไม่ได้พกใบติดตัว แต่ขอทดสอบการนวดแทน แล้วจะนำใบรับรองมาแสดงในภายหลัง ตนจึงตกลงให้นวด 30 นาที เริ่มจากนวดเท้า ตามด้วยคอ บ่า และไหล่
ทั้งนี้ ขณะที่นวดคอตนรู้สึกว่าผู้ก่อเหตุขยับสร้อยคอของตน เป็นสร้อยทอง 2 บาท ห้อยพระรอด มูลค่า 65,000 บาท เพื่อให้ตะขอไปอยู่ในบริเวณต้นคอ แต่ขณะนั้นตนคิดว่าอีกฝ่ายกำลังขยับสายคล้องหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หมอนวดจะต้องขยับผม หรือสร้อยของลูกค้า เพื่อการนวดที่สะดวก ตนจึงไม่เอะใจ
อย่างไรก็ตาม อีกจุดสังเกต ได้แก่ ผู้ก่อเหตุจะกดน้ำหนักที่มือซ้ายมากกว่ามือขวา ทราบภายหลังว่ามือขวากำลังปลดสร้อยของตน ในระหว่างที่นวดตนก็ได้พูดคุยสอบถาม อีกฝ่ายบอกว่าตกงานมา 2 ปีแล้ว เคยทำงานร้านนวด ร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ขายไม่ดี จึงไปสมัครนวดก็ไม่มีร้านไหนรับเข้าทำงาน
จากนั้น เมื่อนวดเสร็จตนก็ตกลงรับอีกฝ่ายเข้าทำงาน เนื่องจากเขามีฝีมือในการนวดที่ดี จึงตกลงกันว่าจะเริ่มงานในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 65 กว่าตนจะรู้ตัวว่าสร้อยคอทองคำหายไปก็เวลาเที่ยงคืนแล้ว ซึ่งเป็นเวลาปิดร้าน เนื่องจากพนักงานในร้านทักตนว่าสร้อยคอหายไปไหน ตนจึงเอะใจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก่อนจะรีบเดินทางไปแจ้งความในช่วงกลางดึกของวันที่ 31 มกราคม 65
กระทั่งเมื่อคืนวานนี้ (8 กุมภาพันธ์ 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในช่วงเย็น แล้วพากลับมาสน.พญาไท ในเวลา 18.00 น. ซึ่งตนก็ได้เข้าไปยืนยันขี้ตัวผู้ก่อเหตุ แต่ตนไม่ได้พูดคุย ผู้ก่อเหตุให้การอ้างว่าได้นำสร้อยคอและกรอบพระเลี่ยมทองของตนไปขาย จำนวน 48,000 บาท ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เปิดร้านนวดมา 6 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์เข่นนี้ ต่อไปใครจะสมัครงาน ตนจะขอใบรับรองอบรมการนวด และบัตรประขาชน เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ติดต่อไปหา นางสาวภาวินี จำปารัตน์ อายุ 44 ปี ผู้เสียหายอีกราย เปิดร้านนวดย่านซอยสุขุมวิท 89/1 ซึ่งถูกปลดสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ ไปเมื่อวันที่ 29 มกราคม 65 ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาขอสมัครงานในร้านในวันที่ 29 มกราคม 65 เวลาประมาณ 13.38 น. มีพฤติการณ์เหมือนกับที่ทำที่ร้านของนางสาวรัชดาภรณ์ อ้างว่าต้องการสมัครงาน แต่ไม่ได้พกใบรับรองการอบรมการนวดติดตัวมา อยากจะขอทดสอบนวดแทน แล้วจะนำใบรับรองมาให้ในภายหลัง
โดยหลังจากที่เขานวดเสร็จแล้ว ตนก็ได้ให้เงินค่านวด ซึ่งเขาก็ยกมือไหว้ตนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนก็ได้เดินไปส่องกระจก จึงทราบว่าถูกปลดสร้อยคอ ก่อนจะเดินทางไปแจ้งความที่สน.พระโขนง เพราะสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ ราคา 15,300 บาท จี้พระ 1,800 บาท ตนจำไม่ได้ว่าพระอะไร เป็นของที่แม่มอบให้
จากนั้นเวลาประมาณ 12.00 น. พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท พร้อมด้วยพ.ต.ท.วิทยากร สุวรรณเรืองศรี รอง.ผกก.สอบสวน สน.พญาไท และร.ต.ท.ประสิทธิ์ คณะนัย รอง.สว.สส.สน.พญาไท ได้เดินทางลงพื้นที่ไปพบนางสาวรัชดาภรณ์ ดิษสวน อายุ 38 ปี เจ้าของร้านนวด เพื่อแจ้งความคืบหน้าทางคดี โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากว่า จะติดตามนำสร้อยคอที่ถูกนำไปขายกลับคืนมาให้นางสาวรัชดาภรณ์ อย่างเร็วที่สุด
พ.ต.อ.บวรภพ ให้สัมภาษณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุลักทรัพย์ จึงเร่งสืบสวนจนพบตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งทราบว่าหญิงสาวรายนี้กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 ได้ 6 เดือน ที่บ้านพักย่านลำลูกกา จากการตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุมีทักษะในการนวด เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน มีทั้งที่แจ้งความและไม่แจ้งความ รวมแล้วไม่ต่ำว่า 4 คดี ระหว่างปี 63-ปัจจุบัน ในหลายพื้นที่ เช่น ลุมพินี สุขุมวิท ทองหล่อ และพระโขนง
โดยในวันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการฝากขังผู้ต้องหาที่ศาลาอาญาแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากเตือนผู้ประกอบการร้านนวด ในการตรวจสอบประวัติของพนักงาน หรือสามารถตรวจาอบประวัติได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ อีกทั้งของฝากเตือนพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับทรัพย์สินมีค่า ขอให้ระวังมิจฉาชีพให้ดี
ร.ต.ท.ประสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า เมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์ 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายจับต่อผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพ ไม่มีท่าทีขัดขืน พร้อมทั้งนำเสื้อผ้าที่ใส่ในวันก่อเหตุมาให้ดู อีกทั้งยังได้มอบพระรอดของนางสาวรัชดาภรณ์ ให้แก่เจ้าหน้าที่ ส่วนกรอบพระและสร้องคอทองคำหนัก 2 บาท อ้างว่านำไปขายแล้ว
พ.ต.ท.วิทยากร เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี - 5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท ขณะนี้ยังไม่มีการยื่นประกันตัวแต่อย่างใด ทั้งนี้ความผิดในพื้นที่อื่น ๆ ศาลก็จะมีการเพิ่มโทษตามกรรมและวาระ