กรณีนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจนำทีมสื่อมวลชนบุกค้นกุฏิ พระครูปลัดประสาทพร มหาปุญโญ เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรปราการ พบผู้หญิงซึ่งใส่ผ้าถุง ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะข้างบันได มียกทรงสีฟ้าตกอยู่ข้าง ๆ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวเจ้าอาวาสออกไปทำการสึก ตั้งแต่เมื่อคืนที่ 9 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา
ล่าสุด นางสุวรรณ (นามสมมติ) ผู้หญิงที่นุ่งผ้าถุงแอบซ่อนตัวในกุฏิเจ้าอาวาสดึก ๆ ดื่น ๆ กันสองต่อสอง ชี้แจงแล้วว่าไม่ได้มีเรื่องชู้สาวกับอดีตเจ้าอาวาส เพียงแค่ทำความสะอาดห้องแล้วไปอาบน้ำในกุฎิ ส่วนเสื้อชั้นในไม่ใช่ของตัวเอง แต่มีคนโยนเข้ามา ซึ่งชาวเน็ตเป็นงงว่าในกุฏิพระจะมีเสื้อชั้นในได้อย่างไร แล้วใครจะเข้าไปโยนเสื้อชั้นในได้ ทั้งที่ไม่ได้มีคนอื่นอยู่
วันที่ 11 ก.พ. 65 เมื่อเวลา 15.00 น. พระบุญมี กิตติธโร รักษาการเจ้าอาวาส แจ้งว่า วัดบางหญ้าแพรก ร่วมกับ สภ.สำโรงใต้ จัดชุดตรวจสารเสพติดเพื่อทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด กับพระภิกษุสงฆ์ภายในวัด จำนวน 38 รูป ผลการตรวจสารเสพติดภายในพระภิกษุสงฆ์ไม่พบมีสารเสพติด
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางนัยนา รอดเสถียร หรือ ป้าปุ๊ย อายุ 60 ปี น้องนายประสาทพร อดีตเจ้าอาวาส กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นการจัดฉาก เพราะนางสุรรณ (นามสมมติ) ผู้หญิงที่อยู่ในกุฏิเป็นลูกศิษย์ของนายประสาทพร สนิทกันนับถือเหมือนพ่อลูก ตนก็รู้จักสนิทสนมกัน ยังเคยช่วยงานบุญที่วัดและกินข้าวหม้อเดียวกัน ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้
ตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายหญิงเข้ากุฏิไปตั้งแต่ช่วงเย็น จากนั้นทีมของหมอปลาก็วางแผนกันที่บริเวณวัดตั้งแต่เย็น และเข้าไปบุกจับทันทีช่วงกลางคืน เหมือนเตรียมกันมาแล้ว ซึ่งตนก็อยากโทรศัพท์ไปถามนางสุวรรณว่ามีใครจ้างหรือไม่ แต่อีกฝ่ายไม่รับโทรศัพท์
ยืนยันพี่ชายไม่ได้มีความสัมพันธ์กับนางสุวรรณ เพราะฝ่ายหญิงก็มีลูกมีผัวอยู่แล้ว ไม่สามารถทำแบบนั้นได้แน่นอน
ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงอ้างกับทีมข่าวว่าเอาเอกสารเข้าไปให้อดีตเจ้าอาวาสเซ็นก็อาจเป็นไปได้ เพราะอีกฝ่ายเปิดโรงงาน แต่ส่วนใหญ่จะมาช่วงกลางวัน นอกจากนี้นางสุวรรณก็เคยมาช่วยขายมะม่วง พร้อมกับตน โดยเรื่องการทำความสะอาดกุฏิก็มองว่าเป็นไปได้ เพราะบางครั้งตนก็เข้าไปช่วยทำความสะอาด เนื่องจากกุฏิใหญ่ก็ต้องช่วยกัน ส่วนที่อยู่จนดึกดื่นตนไม่รู้ แต่ได้ยินคนพูดต่อกันมาว่า นางสุวรรณรอสามีมารับกลับบ้าน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
โดยข่าวที่ออกไปบิดเบือนมาก พี่ชายตนไม่ได้กินเหล้า ส่วนขวดเหล้าในกุฏิเป็นเหล้าที่ใช้ไหว้ปู่ฤๅษี ซึ่งพี่ชายไม่ได้กินเหล้าตั้งแต่เป็นฆราวาสแล้ว และไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ ตามที่ชาวบ้านบอกว่าเห็นมานานแล้ว ทั้งนี้คืนเกิดเหตุตนไม่ได้คุยกับพี่ชาย เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกันตัวออกมา ตนเครียดมาก นอนร้องไห้มา 2 วันแล้ว สงสารพี่ชายที่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้
นางนัยนา กล่าวต่อว่า สำหรับคลิปที่ตน 3 พี่น้องไปโวยวายหน้ากุฏินั้น ตนแค่อยากให้ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งกรูกันเข้าไป เพราะตนก็ต้องปกป้องพี่ชาย แต่ยืนยันไม่ได้ช่วยกันปกปิด
ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายนายสมชาย ลูกศิษย์วัด เป็นเพราะนายสมชายเข้าไปทุบมณฑปเพื่อจะขโมยของ อดีตเจ้าอาวาสจับได้จึงเข้าไปจัดการ ที่ผ่านมานายสมชายขโมยของวัดเป็นประจำ ขนาดตำรวจจับไป อดีตเจ้าอาวาสยังขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง มองว่าคนที่ออกมาแฉเพราะไม่ชอบนายประสาทพรเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ในวัด ไม่ว่านายประสาทพรจะทำอะไรก็ไม่ชอบใจ ก่อสร้างในวัดก็ไม่ชอบ เก็บเงินค่าที่จอดรถมาบำรุงวัดก็ไม่พอใจ ขายมะม่วงหาเงินจ่ายค่าน้ำไฟก็ไม่ชอบ ตนในฐานะน้องสาวยืนยันว่าอดีตเจ้าอาวาสไม่เคยนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว รวมถึงญาติ ๆ ก็ไม่เคยได้ผลประโยชน์ หรือเงินจากวัด
นางนัยนา กล่าวต่อว่า กรณีคลิปชุลมุนวิวาทกับน้ำฟ้า ภรรยาหมอปลานั้น ตนพร้อมนางแขก นางจี๊ด พี่สาว พยายามกันไม่ให้เข้าไปในกุฏิ บอกให้รอก่อน เพราะกลัวเหตุการณ์ชุลมุน หมอปลาใช้มือตบนางจี๊ด นางจี๊ดจึงสะบัดออก นางน้ำฟ้าใช้กระป๋องมาตีศีรษะนางจี๊ดจนหัวปูด ซึ่งก็มองว่าไม่สมควรทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายพี่สาวตน ส่วนคลิปที่หมอปลาเรียกนางแขก พี่สาวอีกคนว่า "รัตนา" นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง เพราะอยู่คนละจุดกัน
หลังเกิดเหตุไม่ได้เข้าไปในวัด แต่หากมีการเปิดกุฏิเจ้าอาวาสตนจะเข้าไปดูด้วย และจะไปเอารูปพ่อแม่ที่อยู่ในกุฏิอดีตเจ้าอาวาสออกมา หลังเกิดเหตุไม่สามารถติดต่อนายประสาทพรได้เลย เจ้าตัวหายไปตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุ ตนรู้สึกเป็นห่วงมาก อยากจะตามหาแต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหน นอกจากนี้ พระลูกวัดที่เตะก้านคอเจ้าคณะตำบล ช่วงที่แต่งตั้งพี่ชายตัวเองเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 2556 พระรูปดังกล่าวไม่พอใจพี่ชายตน เพราะพี่ชายเป็นคนตรง แต่พระรูปนี้ติดเหล้าหนัก หลังก่อเหตุก็สึก และตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว
ด้านนางสาวรภัสสรณ์ ฤทธิธนไพบูลย์ หรือ น้ำฟ้า ภรรยาของหมอปลา ยืนยันว่า ตนไม่ได้เอากระป๋องไปตีญาติของอดีตเจ้าอาวาสเลยด้วยซ้ำ ที่เห็นว่าเท้าของตนพุ่งไปตรงญาติของอดีตเจ้าอาวาสนั้นเป็นเพราะตนเห็นว่าสามีของตนกำลังโดนรุม กำลังโดนฉุด ก็เลยพยามที่จะกันและช่วย แต่ตนไม่ได้เป็นคนยื่นเท้าไปก่อน เพราะทางญาติต่างหากที่เข้ามาดึงเท้าตนออกไป ตนก็ยันเข้าไปตามที่เห็นในคลิป
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายมีอายุเยอะกว่า ด้วยความเคารพตนก็เลยขอโทษผ่านสื่อตรงนี้ไว้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะสถานการณ์ชุลมุนมาก บวกกับทางญาติอีกฝ่ายมีการใช้คำหยาบออกมาเยอะ แถมยังทำท่าถกอวัยวะเพศออกมาด้วย ตนพยายามควบคุมอารมณ์มาก แต่ก็ได้แค่นั้นจริง ๆ
เช่นเดียวกันกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนก็อยากที่จะบอกให้ฝั่งอดีตเจ้าอาวาสและญาติ ๆ เลิกแถ และรับความจริงให้ได้ คืนผ้าเหลืองให้ศาสนา เพื่อที่ศาสนาพุทธจะได้ไม่แปดเปื้อน จะได้ไม่โดนทำลาย เพราะทุกวันนี้ศาสนาย่อมดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เสื่อมก็คือคน
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กล่าวว่า ตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายร่างกาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ จะเห็นว่าฝั่งญาติของอดีตเจ้าอาวาสมีการผลักและดันตนไม่ให้เข้าไปในกุฎิ พร้อมกับมีการใช้คำหยาบ แม้กระทั่งกับสื่อฯก็ไม่เว้น ตนมองว่าในเมื่อผู้ร้องเรียนส่งเรื่องนี้มา ตนก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเพื่อพิสูจน์และตรวจสอบกับสื่อมวลชนทั้งหมดด้วย จึงเห็นว่าตนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เข้าไปด้านในให้ได้ แล้วสุดท้ายก็เจอชุดชั้นในของสีกาจริง
ตนยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการสร้างสถานการณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้นจริงและสดมาก อย่างที่เห็นผ่านสื่อฯ เพราะสามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดได้ พูดกันง่าย ๆ คือ สีกาเข้าไปในกุฏิตอนประมาณ 4 โมงเย็น แต่ตนเดินทางไปถึงประมาณ 3 ทุ่ม เพราะฉะนั้นสิ่งที่สีกาและอดีตเจ้าอาวาสต้องตอบคือเวลา 4 ชั่วโมงที่อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ทำอะไร สิ่งที่บอกว่าสีกามาทำธุระ มาถูห้อง ถูพื้น มันฟังขึ้นหรือเปล่า
ส่วนกับประเด็นที่ตนเรียกญาติของอดีตเจ้าอาวาสด้วยคำว่า "รัตนา" หลายคนก็มองว่าไม่เหมาะสมที่เอาป้ารัตนา ที่มีภาวะป่วยมาล้อเล่นในสถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้ ยอมรับว่าคำนี้มันติดปากตนไปแล้ว การที่เรียกออกไปแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าจะใช้แทนความหมายที่เลวร้าย กลับมองว่าเป็นคำที่มงคลด้วยซ้ำ เพราะป้ารัตนากำลังมีแฟนคลับเยอะ ทุกคนชื่นชมป้า เชื่อว่าไม่ได้เป็นคำหยาบหรือเปรียบเทียบความหมายด้านลบ
สุดท้ายอยากจะบอกกับอดีตเจ้าอาวาสว่าจงให้ออกมาพูดความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แม้ว่ามันจะน่าอาย แต่มันก็คือความจริง แถไปก็ถลอกปอกเปิกไปเปล่า ๆ วันนี้มีเรื่องหนึ่งที่ตนมองว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผล คือเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจปัสสาวะกับพระในวัดแค่ 20 กว่ารูป เป็นพระที่ไม่ได้สนิทกับอดีตเจ้าอาวาสเลย ผลที่ออกมาจึงไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่พระอีก 5 รูปที่สนิทและเป็นบริวารของอดีตเจ้าอาวาส กลับอ้างว่าป่วย จึงไม่ได้มีการตรวจปัสสาวะนั้น ตนอยากตั้งคำถามว่าการที่ป่วยพร้อมกันทั้ง 5 รูปปกติหรือเปล่า ป่วยจริงหรือเป็นแค่ข้ออ้างกันแน่