วันที่ 11 ก.พ. 65 พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย สารวัตรกองกำกับการ 3 กองปราบปราม พร้อมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ ร้านทองเยาวราช หลานแม่กิมกี่ ในเขตเทศบางนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
หลังจากมีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกซื้อทองคำแท่งและรูปพรรณ น้ำหนักกว่า 200 บาท คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านบาท แต่เจ้าของร้านไหวตัวทัน เนื่องจากตรวจสอบที่ธนาคาร พบว่าข้อความเงินโอนเข้าทางโทรศัพท์ ไม่สามารถเบิกเงินสดได้ในทันที
ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายคาดว่ามาไม่น้อยกว่า 2 คน และมีหลายชุด ซึ่งมีการเตรียมการวางแผนก่อเหตุในหลายจังหวัดของภาคอีสาน เบื้องต้น พบว่านอกจากมาก่อเหตุที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วยังไปก่อเหตุที่ จ.สุรินทร์ แต่ไม่สำเร็จ และไปก่อเหตุที่ จ.หนองคาย ได้ทองคำแท่งไปกว่า 100 บาท มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาทนั้น
น.ส.เปรมยุดา กำเพ็ชรภักจิรวานิช อายุ 45 ปี เจ้าของร้านทอง ให้การกับตำรวจกองปราบว่า วันเกิดเหตุได้ตั้งข้อสังเกตว่าคนซื้อทองมากขนาดนี้ในคราวเดียว เป็นไปได้ยาก จึงพยายามหาหลักฐาน และตรวจสอบ พร้อมกับถ่วงเวลา แต่ไม่มีข้อผิดสังเกต เพราะธนาคารได้ส่งข้อความมา
ทั้งยังอ้างว่าลูกน้องไปปรับบัญชี ซึ่งก็ได้ตามจำนวนเงินที่สั่งซื้อ แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่นว่าคนจะซื้อทองมากขนาดนี้ แต่ให้ลูกน้องมาซื้อ ซึ่งคนร้ายปลอมตัวเป็นลูกน้องของผู้ต้องการซื้อทองคำ เบื้องต้น ตำรวจกองปราบได้ตรวจสอบทางข้อมูลทางการเงิน และภาพจากกล้องวงจรปิด ตอนนี้รู้ตัวแก๊งนี้แล้ว
ด้านเจ้าของร้านทองกลางเมืองสุรินทร์ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 9 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา คนร้ายเดินเข้าที่ร้านคนเดียว แล้วบอกว่าเจ้านายอยากจะซื้อทองคำน้ำหนัก 200 บาท มูลค่า 5,480,000 บาท และระบุว่าต้องการเป็นทองรูปพรรณ
พฤติกรรมตอนที่อยู่ในร้าน คนร้ายทำทีเป็นคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา และก็บอกว่าเจ้านายจะโอนผ่านบัญชี ทางร้านก็จะขอบัตรประชาชน แต่คนร้ายอ้างว่าไม่ได้เอามา ตนสังเกตเลขยอดผิดปกติ จึงได้ขอไปเช็กที่ธนาคาร ทางธนาคารก็แจ้งมาว่าเป็นเช็คสั่งจ่าย ตนก็บอกให้ทางคนร้ายรอก่อน แต่ทางคนร้ายก็เดินออกไปเลย
หลังจากคนร้ายออกไปจากร้านแล้ว ตนก็ได้ส่งภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิดแจ้งเตือนในกลุ่มสมาคมผู้ประกอบการร้านทอง ทางร้านทองที่ จ.บุรีรมย์ ก็แจ้งทันที่เลยว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกันที่มาที่ร้าน และตอนนี้ตนก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่เจ้าของร้านทองศรีรุ่งเรือง บอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับทางร้านเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี คนร้ายเป็นชายเข้ามาในร้านทำทีขอซื้อทองเหมือนลูกค้าปกติทั่วไป
โดยเลือกทองรูปพรรณ เป็นสร้อยคอทองคำ เส้นละ 5 บาท และ 10 บาท น้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่า 2.9 ล้านบาท ซึ่งทางร้านไม่ได้ขอให้เปิดหน้ากากอนามัย เพราะกลัวโควิด-19
ล่าสุด วันที่ 11 ก.พ. 65 พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จ.หนองคาย ได้เรียก พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.อ.สุรกิจ ค้วนเครือ ผกก.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ประชุมหารือแนวทางการทำงาน ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองหนองคาย เพื่อเร่งรัดการติดตามจับกุมคนร้ายที่คาดว่าจะทำเป็นขบวนการให้เร็วที่สุด โดยมอบหมายภารกิจให้แต่ละหน่วยงาน ทำงานประสานกัน และตรวจสอบกล้องวงรปิดทุกแห่งอย่างละเอียด
จากนั้น ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งที่อยู่ในร้าน และตามถนนมีชัย จุดหลักสำคัญต่าง ๆ ค้นหาเบาะแสสำคัญ ทั้งยานพาหนะที่คนร้ายใช้ โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 2 คน อาจมีคนขับรถรอขับรถให้พาผู้ต้องหาไปก่อเหตุทั้งที่ร้านทอง และธนาคาร