วันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด 19 ในกลุ่มเด็ก ขณะนี้พบการติดเชื้อในผู้ป่วยเด็กเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น จึงควรเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายเด็ก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ให้สามารถเปิดโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย สำหรับแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ไทยมีสูตรวัคซีนที่จะฉีดให้กลุ่มเด็กอายุ 5-17 ปี รวมแล้ว 5 สูตร โดยคำแนะนำทุกสูตร ได้พิจารณาจากคำแนะนำของอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ร่วมกับคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และ คำแนะนำภายใต้การขึ้นทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดแก่เด็ก เหมาะสมกับจำนวนวัคซีนในพื้นที่ ประกอบกับบริบทการให้บริการวัคซีนในประเทศไทยมีความหลากหลายแตกต่างกัน ทั้งในเขตเมือง ชนบท รวมถึงพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล ซึ่งอาจมีทรัพยากร ระบบการขนส่งและจัดเก็บวัคซีน หรือระบบให้บริการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่หรือแต่ละช่วงเวลา อย่างไรก็ตาม การพิจารณาให้วัคซีนในรายบุคคลควรต้องพิจารณาบริบทเฉพาะรายเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับวัคซีน
นายแพทย์โอภาส กล่าวอีกว่า สูตรวัคซีนทั้ง 5 สูตร ในกลุ่มอายุ 5-17 ปี ผ่านการพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง ทุกสูตรมีความปลอดภัย ซึ่งประกอบด้วย
สูตรที่ 1 สำหรับอายุ 5-11 ปี ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็ม 8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสูตรหลักของกลุ่มเป้าหมายนี้ และกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ให้เพียงพอแก่กลุ่มเป้าหมายนี้ทุกคนแล้ว อย่างไรก็ตามวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) จะทยอยเข้ามาในแต่ละสัปดาห์และดำเนินการฉีดผ่านระบบสถานศึกษา ทำให้ไม่สามารถฉีดในกลุ่มเป้าหมายได้พร้อมๆ กันทุกคน กระทรวงสาธารณสุขจึงเตรียมสูตรที่เหลือไว้รองรับความต้องการของเด็กและผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว
สูตรที่ 2 สำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้เผยแพร่คำแนะนำเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565
สูตรที่ 3 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็ม 3-4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสูตรหลักของกลุ่มเป้าหมายนี้ และกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
สูตรที่ 4 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) ระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้เช่นกัน และมีการศึกษารองรับแล้วว่า ระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) 2 เข็ม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลในผู้ใหญ่
สูตรที่ 5 วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม สำหรับเด็กอายุ 6-17 ปี ระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นคำแนะนำภายใต้การขึ้นทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ปกครองที่มีความกังวลใจเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน mRNA และเด็กที่แพ้การฉีดวัคซีน mRNA แต่อย่างไรก็ตามภูมิที่เกิดจากการฉีดสูตรนี้ อาจไม่สูงพอในการป้องกันเชื้อโอมิครอน จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยมีระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ขึ้นไป หลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนและเปิดช่องทางสำหรับการรับวัคซีนทุกสูตรให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ปกครอง ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในเด็กให้เป็นไปตามความสมัครใจหรือตามประสงค์ของผู้ปกครองและผู้รับวัคซีน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กรมควบคุมโรค เผยข้อห้ามหลังเด็ก ฉีดวัคซีน ป้องกันอาการข้างเคียง
- หมอยง เผยแนวทางการฉีด วัคซีนเด็ก ควรได้รับเมื่อไหร่ ตัวไหนดี
- เริ่มแล้ว! ฉีด วัคซีนเด็ก อายุ 5-11 ปีใน 7 กลุ่มโรค ที่สถาบันสุขภาพเด็กฯ
Advertisement