การติดตามคลี่คลาย
คดีฆาตกรรมสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล แล้วฝังไว้หน้าหอไตรภายในวัดวังตะวันตก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช แม้ว่าจะมีความคืบหน้าไปมากซึ่งในส่วนของคดีฆาตกรรมปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ และสาเหตุแห่งการตาย ใกล้จะเข้าสู่การปิดสำนวนสรุปคดีนี้เพื่อส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการแล้วก็ตาม
แต่ในส่วนของการติดตามข้อมูลทรัพย์สินต่างๆ ของวัด โดยเฉพาะบัญชีเงินฝากของวัดก่อนที่ น.ส.ปิยฉัตร และพวกจะเข้ามามีอำนาจเหนือ มีสูงถึงกว่า 40 ล้านบาท จนเกิดเหตุฆาตกรรม และนำไปสู่การติดตามบัญชีเหล่านี้พบว่า มีวงเงินคงเหลือเพียงหลักแสนบาท และมีวงเงินเพิ่มเติมจากนักธุรกิจเจ้าภาพกฐินเมื่อปี 2559 ได้เก็บไว้ในนามกรรมการกฐินอีกกว่า 1.4 ล้าน ทำให้มีวงเงินเหลือของวัดเพิ่มเติมที่ราว 1.8 ล้านบาท ส่วนเงินส่วนอื่นๆ นั้นถูกเบิกถอนผ่องถ่ายออกไปเกือบ 100%
แต่ในประเด็นนี้ทั้งอดีตกรรมการของวัด และพุทธศาสนิกชนที่เฝ้าติดตามการคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่กำลังกังวลอย่างมาก เนื่องจากจนถึงขณะนี้ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ยังไม่เข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมในคดียักยอกทรัพย์ สอดคล้องต่อ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ที่ระบุว่า ยังไม่สามารถดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อผู้ต้องหาในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ เนื่องจากยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ ขณะที่ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เป็นศิษย์ใกล้ชิดกับ พระเทพสิริโสภณ จึงอยู่ในสภาพลำบากใจต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนศพของสามเณรปลื้ม หรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล จะถูกฌาปนกิจบนเมรุลอย ที่พระครูสุนทรจิตตารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา ซึ่งเป็นวัดที่สามเณรบวชเรียนครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน และเป็นที่รักของชาวบ้านในย่านนี้ ได้ตั้งใจจัดการให้ทั้งหมด โดยมี พระราชปริยัติเวที เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช จะเดินทางมาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในช่วงบ่ายของวันนี้