สารภาพสิ้นไส้ หลานฆ่ายายยัดถังวางแผนนับเดือน กะพาหนุ่มเสพสุข บุญคุณ 18 ปีไร้ค่า (คลิป)

เมื่อกลางดึกของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบศพยายวัย 62 ปี ทราบชื่อภายหลัง นางสมศรี ม่านกระโทก ถูกฆ่ายัดถังขยะ บริเวณเชิงเขาชะโอย หมู่ 10 ต.เขาพระ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถตามคุมตัวหลานสาววัย 17-18 ปี ชื่อ นางสาวอรอนงค์ พร้อมนายปฏิพล แฟนหนุ่ม วัย 23 ปี ได้ที่ จ.ตาก ผู้ลงมือฆ่าผู้ตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้นั้น

ล่าสุด วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ช่วงเวลา 09.00 น. ที่ สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ นำโต๊ะและป้ายไวนิลแถลงข่าว รวมถึงของกลาง 11 ชิ้น ประกอบด้วย

1.ถังขยะสีน้ำเงิน ใบที่ใช้ยัดศพ พร้อมปิดปากด้วยผ้าดิบสีขาว
2.รถกระบะที่ใช้ขนย้ายศพยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียนขาวเขียว บฉ 7058 จ.ตาก เป็นรถตอนเดียว ไม่มีแคป แต่ตรงเบาะของที่นั่งข้างคนขับมีการเลื่อนไปข้างหน้า เพื่อให้มีช่องว่างประมาณ 25-30 ซม. สำหรับยัดศพยายที่ห่อด้วยผ้าห่ม 2 ชั้นและมัดด้วยเชือกปอแก้วเข้าไป
3.กระเป๋าเงินสีแดงเข้มของ “นางสมศรี” ผู้เสียชีวิต มีเงินสดจำนวน 16,600 บาท ตรวจพบที่ “นางสาวอร” ผู้ก่อเหตุ
4.กระเป๋าเงินสีแดงสดของ “นางสมศรี” ผู้เสียชีวิต ตรวจพบที่ห้องเช่า จ.นครราชสีมา
5.โทรศัพท์มือถือของ “นางสมศรี” ผู้เสียชีวิต ตรวจพบที่ห้องเช่า จ.นครราชสีมา



6.โทรศัพท์มือถือของ “นายปฏิพล” ผู้ก่อเหตุ
7.โทรศัพท์มือถือของ “นางสาวอร” ผู้ก่อเหตุ
8.เงินสดจำนวน 50,000 บาท ตรวจพบที่ “นางสาวอร” ผู้ก่อเหตุ
9.เงินสดจำนวน 70,000 บาท ตรวจพบที่ “นายปฏิพล” ผู้ก่อเหตุ
10.เสื้อผ้าของ “นางสาวอร” ที่ใช้ในวันที่กระทำความผิด เป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีชมพูลายดวงตาการ์ตูน 1 ตัว กางเกงวอร์มสีชมพูแถบขาว 1 ตัว และรองเท้าแตะสีดำแบบหูหนีบ 1 คู่
11.เสื้อผ้าของ “นายปฏิพล” ที่ใช้ในวันที่กระทำความผิด เป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีดำลายภาษาอังกฤษ “BOY LONDON” และนกอินทรีย์ กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินและรองเท้าแตะสีดำแบบสวม 1 คู่

เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7, พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี, พ.ต.อ.นิกร ด้วงฉุน ผกก.สภ.เดิมบางนางบวช พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเดินทางมาถึง สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เพื่อเตรียมสอบปากคำผู้ก่อเหตุชายที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขัง

จากนั้น เวลา 14.30 น. คุมตัวนายปฏิพลเข้าห้องสอบสวน โดยมี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง และใช้เวลาประมาณ 20 นาที เป็นอันเสร็จสิ้น ต่อมาในเวลา 15.05 น. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ก่อเหตุ 2 คน​

พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยืนยันว่าจากการสอบปากคำนายปฏิพลไม่ได้มีความเครียด และให้คำรับสารภาพ​ว่าความสัมพันธ์ของตนกับนางสาวอร รู้จักกันมากว่า 1 ปี ผ่านแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก มีการแชตพูดคุยวิดีโอคอลกัน เจอกันครั้งแรกคือวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่มีการก่อเหตุ แต่ช่วงระยะเวลา 1 อาทิตย์ก่อนลงมือฆ่า ร่วมกันวางแผนฆ่านางสมศรีไว้แล้ว โดยจะก่อเหตุ​ในห้องพักที่ จ.นครราชสีมา โดยสาเหตุอ้างว่าถูก​ผู้ตายด่าทอ​มาตั้งแต่เด็ก มีความเครียดสะสมและประจวบเหมาะกับรู้ว่าผู้ตายมีเงินในบัญชี 1 แสนบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ยืนยันจากการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเงินที่ นายดำรงค์ สามีของผู้ตายกู้มาจากสหกรณ์เพื่อต่อเติมบ้าน ไม่ใช่เงินจากที่ถูกหวย

เบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม​เป็น 3 ข้อหาคือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง​ไว้ก่อน​ 2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่น และ 3.ร่วมกันซ่อนเร้น เคลื่อนย้าย ทำลายศพ

ส่วนรายละเอียดพฤติการณ์การลงมือนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดีและต้องมีการสอบปากคำทั้งคู่เพิ่มเติม บอกได้เพียงแค่ว่าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ขณะที่นายปฏิพลเดินทางมาจาก จ.ตาก เพื่อมาร่วมกันฆ่านางสมศรีตามแผนที่คุยไว้ ระหว่างนั้นนางสาวอรก็ลงมือบีบคอผู้ตายไปก่อนแล้ว แต่ยังไม่ตาย จนกระทั่งนายปฏิพลช่วยบีบคออีกรอบ ก่อนจะใช้เชือกรัดคอผู้ตายจนเสียชีวิตคาห้องพักใน จ.นครราชสีมา แล้วปล่อยทิ้งร่างผู้ตายไว้ลำพังในห้องพัก ก่อนจะขับรถกระบะออกไปตระเวนหาสถานที่ทิ้งร่าง อีกทั้งมีการนำบัตร ATM ของยายไปกดเงินสดออกมาจำนวนหนึ่ง แล้วแบ่งให้นายปฏิพล จำนวน 30,000 บาท

เช้าของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ทำการเอาผ้าห่มห่อศพ 2 ชั้น แล้วมัดด้วยเชือกปอแก้วตรงหัวและเท้า ยกศพเข้าไปแอบไว้ที่ช่องว่างหลังเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารในลักษณะแนวนอน จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วพากันขับรถออกมาตามถนน

โดยนายปฏิพลที่ดูจะหวงรถมาก และตอนลงจากรถก็เหมือนพยายามจัดแจงอะไรบางอย่างที่อยู่ในรถคันนี้อยู่นาน แถมมีการเอาเสื้อมาสีดำมาคลุมกระจกรถฝั่งข้างคนขับ คาดว่าน่าจะกลัวมีคนเห็น จากนั้นช่วงทิ้งศพระหว่างทางที่ขับรถนั้น เห็นว่ามีถังขยะวางอยู่ริมถนนเยอะจึงคิดใช้เป็นอุปกรณ์นี้อำพรางศพอีกชั้น

เวลาประมาณ 15.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการคุมตัวนายปฏิพล ออกจากห้องสอบสวน ไปอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ระหว่างนั้นทีมข่าวทีมข่าวพยายามสอบถามถึงแรงจูงใจทั้งหมด พฤติการณ์การก่อเหตุและสิ่งที่อยากจะพูดในวันนี้ นายปฏิพลไม่ตอบ ก่อนจะถูกนำตัวเข้าห้องไป

ต่อมาเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายปฏิพลออกไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ​ที่เชิงเขาชะโอย​ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นจุดทิ้งศพ มีการนำถังขยะและดินชนิดคล้ายกับที่ผู้ก่อเหตุใช้ไผจำลองเหตุการณ์ ระหว่างที่มีการทำแผนก็มีการวางมาตรการ​ความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่มาสังเกต​การเป็นจำนวนมาก​ ประมาณ 50-60 คน แต่ก็ไม่ได้มีการรุมประชาทัณฑ์ หรือตะโกนด่าเช่นกัน

โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัวนายปฏิพลลงจากรถแล้วเดินเข้าไปยังจุดทิ้งศพ เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจุดนี้เป็นจุดที่นำรถมาทิ้งศพใช่ไหม เจ้าตัวก็ตอบว่า "ครับ" เจ้าตัวก็บอกว่า "ถอยหลังเข้ามา พอจอดรถ แล้วก็ผลักถังลงจากท้ายกระบะ" และตอนที่ทีมข่าวถามว่าอยากพูดอะไรกับแม่ไหม เจ้าตัวก็มีการพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พานายปฏิพลเข้าไปยังจุดทิ้งศพ โดยกันไม่ให้ทีมข่าวเข้าไปด้านใน เนื่องจากหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะต้องมีการเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง แต่ช่วงหนึ่งที่มีการชี้จุด นายปฏิพลยอมรับว่าได้มีการหักกิ่งไม้มาวางใกล้ถังด้วย เพราะต้องการจะอำพรางอีกรอบ หลังจากก็พากันขับรถออกไป

กระทั่งเวลา 15.40 น. เจ้าหน้าที่ก็นำตัวกลับเข้าโรงพักเพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม และคาดว่าน่าจะนำฝากขังยังศาลฯ ในวันพรุ่งนี้ 18 กุมภาพันธ์ 2565

นางเจริญศรี​ ลูกสาวของผู้ตาย เป็นแม่ของนางสาวอร ผู้ก่อเหตุ เดินทางมาที่จุดนี้ด้วยพร้อมกับ นายดำรงค์ สามีของผู้ตาย เปิดใจกับสื่อมวลชนทั้งน้ำตาว่า ตัวเองไม่เชื่อว่าลูกสาวจะเป็นคนตั้งใจหรือวางแผนฆ่ายายแท้ ๆ ได้​ ส่วนตัวมองว่า​ประเด็นที่ลูกสาวฆ่ายายเพราะอยากได้เงินไปตั้งตัว​ที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่ปมในการฆาตกรรม​ แต่ที่กดเงินยายออกมาน่าจะเอาไปใช้จ่ายค่าน้ำมัน ค่ากินระหว่างนั้นมากกว่า เพราะตนเองได้สอบถามกับลูกแล้วเมื่อช่วงเช้าที่เดินทางไปเยี่ยมลูกยังศาลเยาวชน จ.สุพรรณบุรี ตอนที่ตนไปถึงลูกสาวยังอยู่ในอาการตกใจสลับกับเหม่อลอย ไม่กล้าสู้หน้า ตนและตาพยามเรียกหลายครั้งถึงจะได้สติ จนผ่านไปสัก 5 นาที ลูกสาวถึงจะมีสติ จึงเข้าไปกอดตนกับตา

จากนั้น ลูกสาวก็กราบขอโทษตนกับตา บอกว่า "หนูขอโทษ ขอรับกรรมในสิ่งที่ทำไป และฝากบอกยายว่า หนูขอโทษ หนูผิดไปแล้ว ฝากจัดงานศพยายแทนเขาด้วย สาเหตุในการบีบคอยายเป็นเพราะ​ถูกกดมาตั้งแต่เด็ก​และถูกกีดกันเรื่องความรัก​ หลังจับได้ว่าคุยในเชิงชู้สาวกับนายปฏิพล" ทั้งนี้ตนยืนยันว่าลูกสาวไม่ได้มีการวางแผนกับนายปฏิพลเพื่อฆ่ายายมาแล้ว 1 อาทิตย์ แต่ยอมรับว่าลูกสาวเป็นคนลงมือบีบคอยายก่อนจริง ไม่ถึงขั้นทำให้ยายตาย เพราะลูกสาวบอกว่าขณะที่บีบคอยาย มีความลังเลว่าจะเอาให้ตายหรือไม่ระหว่างนั้นนายปฏิพลก็มาถึง เห็นว่ายายยังไม่ตาย จึงเข้าไปทำให้ยายตาย

ส่วนการดำเนินคดี ยืนยันว่า​พร้อมที่จะให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด​ ให้ลูกสาวได้รับโทษกับสิ่งที่ทำไว้​ ไม่กล้าประกันตัวลูก ​เนื่องจากตนและตาก็ต่างต้องทำงาน กลัวว่าลูกอยู่คนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่าน​ บวกกับสังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ ​เกรงว่าลูกจะมีปมและความกดดันซ้ำเติม​ไปอีก​ ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านในพื้นที่​ จ.​นครราชสีมา​ อ้างว่าลูกสาวตนเองและยายเคยรับยารักษาอาการทางจิตนั้น​ไม่ใช่เรื่องจริง​ ทั้งคู่มีสภาพจิตใจปกติ น่ารัก ยิ้มแย้ม และรักกันมาก ยายรักกว่าตนที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ อีก

ตั้งใจว่าหลังจากนี้จะยกเลิกสัญญาบ้านเช่าที่ จ.นครราชสีมา แล้วทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่นั่น เพราะเชื่อว่าดวงวิญญาณของผู้ตายน่าจะอยู่ในจุดที่ถูกฆาตกรรมจนเสียชีวิต พร้อมขนของผู้ตายกลับมายังบ้านที่ จ.สระบุรี แล้วค่อยคุยเรื่องการตั้งบำเพ็ญกุศลศพอีกครั้ง

ทีมข่าวก็ถามว่ามีโอกาสได้พูดคุยกับแม่ของนายปฏิพลบ้างไหม เจ้าตัวตอบว่า ไม่ แล้วก็ไม่ได้อยากจะคุยด้วย เพราะฟังจากข่าวที่ผ่านมา แม่ของนายปฏิพล ยืนยันตลอดว่าลูกของเขาเป็นคนดี ซึ่งตนก็ไม่อยากจะพูดว่านายปฏิพลเป็นฝ่ายผิด แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าที่ทั้งคู่มาพบกันเพราะนายปฏิพลอยากจะเจอลูกสาวหรือเปล่า จึงมีการนัดแนะมาเจอ แล้วผู้ตายบังเอิญไปเห็นก็เลยไม่พอใจและอาจจะแสดงท่าทางบางอย่างออกไป จนทำให้นายปฏิพลไม่พอใจกลับ จึงชักชวนลูกสาวตนให้ก่อเหตุทั้งหมด สุดท้ายตนก็อยากบอกกับสังคมว่าลูกสาวตนยังเป็นเด็ก การที่คิดจะฆ่าใครสักคน อาจจะไม่สามารถคิดได้คนเดียว เพราะฉะนั้นอย่าโจมตีแค่ลูกสาวของตน

อย่างไรก็ตาม หากสิ่งไหนที่ลูกสาวตนทำผิดไป ก็อยากขอโทษสังคม อยากให้ให้สังคมให้โอกาส เมื่อลูกสาวได้ออกมาสู่โลกภายนอก และยกโทษให้ลูกสาวตนด้วย ตนเองตอนนี้ก็ยังช็อก ยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียแม่และลูกแท้ ๆ ไปพร้อมกัน ส่วนถ้าหากวันในวันหนึ่งทั้งคู่พ้นโทษออกมาแล้วอยากจะสานสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวต่อ คงปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของทั้งคู่ เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยก้าวก่ายอยู่แล้ว รู้ดีว่าชีวิตวัยรุ่นยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ อะไรที่คิดว่าดีก็ทำไป

นายดำรงค์ ม่ามกระโทก สามีของผู้ตายและตาของนางสาวอร ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงทำใจไม่ได้ เพราะมันกระทันหันเกินไปมากจริง ๆ อย่างเมื่อเช้าที่เข้าไปเจอหลานก็ได้แต่ขอโทษตน ตนเลี้ยงดูหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็ก ก็ย่อมให้อภัยหลานได้เสมอ มองว่าอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แล้วพลาดพลั้งทำผิดไป ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้เลยว่า 2 คนนี้ติดต่อกันผ่านเฟซบุ๊กเป็นระยะเวลา 1 ปีกว่าแล้ว เพิ่งจะมารู้ก็ตอนที่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรม อาจจะเป็นไปได้ที่หลานบอกกับตนเมื่อเช้าว่าปมหลักมาจากเรื่องที่โดนยายกีดกันความรักจึงเก็บกด บวกกับโดนยายดุด่ามาตั้งแต่เด็ก จึงตัดสินใจวางแผนกับนายปฏิพลแล้วก่อเหตุเช่นนั้น

ส่วนเรื่องของเงิน 1 แสนบาทที่ตนกู้มา และหลานสาวไปเห็นในบัญชีของยาย เชื่อว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจฆ่าด้วย จนยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่สังคมต่างประณามหลานสาวและฝ่ายชายถึงพฤติการณ์ในการก่อเหตุ ตนทำใจไว้แล้วว่าภาพเหล่านี้ก็จะยังคงติดตัวหลานสาวและนายปฏิพลไปตลอด

ทั้งนี้ เมื่อทีมข่าวถามว่าครอบครัวตั้งใจจะนำศพของนางสมศรีไปตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่ไหน เจ้าตัวก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แล้วบอกว่าคงจะนำไปตั้งไว้ที่บ้านใน จ.สระบุรี เพราะเป็นสถานที่ที่ผู้ตายใช้ชีวิตอยู่นานที่สุด มีความผูกพันเยอะที่สุด ทั้งกับตนกับลูกกับหลานและคนอื่น ๆ ช่วงก่อนที่จะย้ายไปอยู่ จ.นครราชสีมา กับหลานทั้งหมดก็อาศัยอยู่กันที่ จ.สระบุรี ซึ่งที่ยายดุด่าว่ากล่าวหลานนั้น ก็เพื่อให้หลานได้ดี ไม่ได้มีเจตนาร้าย ตนก็เห็นว่าภายนอกหลานมีความสุข ร่าเริงแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววว่าจะสามารถก่อเหตุแบบนี้ได้เลย เมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ภรรยาก็เสียไปแล้ว สิ่งที่ตนอยากบอกตอนนี้ก็คือ "ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ ขอให้ชาติหน้าได้เจอกันอีก และอยากมีลูกแท้ ๆ ด้วยกัน"