จากกรณีที่กรมการขนส่งทางบก เปิดให้ประชาชนใช้งานระบบใบอนุญาติขับรถทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือใบขับขี่ดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น
DLT Smart Licence บนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน สำหรับแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเมื่อถูกเรียกตรวจ พร้อมประโยชน์อื่น ๆ หวังแก้ปัญหาลืมพกพาและสอดคล้องกับวิถีชีวิตประชาชนปัจจุบันนั้น เกิดปัญหาขึ้นในทางปฏิบัติ หลังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ ยังไม่ตอบรับ
พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บัญชาการศึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมาย สตช. กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ในทางปฏิบัติการเรียกตรวจผู้ขับขี่ทำผิดกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าพนักงานตำรวจจราจร และหากกระทำผิดจริง ตำรวจมีอำนาจยึดใบขับขี่และออกใบสั่งให้ผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับตามกฎหมาย โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 140 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบกปี 2522 ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าว อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขเรื่องการยกเลิกเรียกเก็บใบขับขี่ เพื่อให้รองรับการใช้ใบขับขี่ดิจิทัลตามที่กรมการขนส่งทางบกเสนอ โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาวันที่ 17 ม.ค.นี้ ดังนั้น ระหว่างนี้ตำรวจจราจรยังมีอำนาจที่จะยึดใบขับขี่ หากไม่สามารถนำใบขับขี่มาแสดงได้ จะมีความผิดเพิ่มอีกข้อหาไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่
ขณะนี้กฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.จราจรทางบก กับ พ.ร.บ.ขนส่งทางบกขัดแย้งกัน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งไปยังอธิบดีกรมการขนส่งทางบกทราบแล้ว เพื่อขอให้เลื่อนการใช้ใบขับขี่ดิจิทัลออกไปก่อน จนกว่าการแก้ไขกฎหมายจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติระหว่างผู้ขับขี่กับตำรวจจราจร อย่างไรก็ตามหากกรมการขนส่งทางบกยืนยันจะใช้ใบขับขี่ดิจิทัลตามกำหนดที่วางไว้โดยไม่รอกฎหมายใหม่ เชื่อว่าจะมีปัญหาแน่นอน เพราะตำรวจจราจรมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกัน
ด้านนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 กรมการขนส่งทางบก เผยว่าประชาชนบางส่วนยังสับสนว่า แอพพลิเคชั่น DLT QR License สามารถใช้แทนใบขับขี่กระดาษได้ 100 % แต่ความจริงแล้ว ใบขับขี่อัจฉริยะถือเป็นทางเลือกเท่านั้น ประชาชนยังต้องพกพาใบขับขี่กระดาษ เพื่อให้ถูกต้องตาม พรบ. จราจรทางบก โดยการพัฒนาใบขับขี่ดิจิทัล เป็นการพัฒนาตามนโยบาย 4.0 ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน
ทางกรมขนส่งฯ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องเชื่อมข้อมูลจาก DLT QR License เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดึงข้อมูลจากใบขับขี่อัจฉริยะได้ในอนาคต ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องหารือในรายละเอียดอีกครั้ง เพราะตำรวจจะต้องสามารถตัดแต้มหรือยืดใบขับขี่จากระบบได้
ติดตามข่าวสารเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้ที่
อมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34