จากกรณีนางจารีย์ มูลมะณี อายุ 41 ปี เข้าร้องเรียนว่านายอนุชา มูลมะณี หรือ น้องวิ อายุ 16 ปี ลูกชาย พร้อมเพื่อนได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.บ้านโป่ง จนประสบอุบัติเหตุแหกโค้งชนกำแพงสุสาน เสียชีวิต แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
วันที่ 16 ม.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่หน้าซุ้มประตูวัดบ้านโป่ง เป็นจุดที่นายอนุชา มูลมะณี หรือ น้องวิ ถูก ส.ต.ท.ธนกฤต มัตสยะวนิชกุล ขับรถจักรยานยนต์ไล่กวด และเฉี่ยวกับกำแพงกับสุสานบ้วนฮกหงี่ซัว
จุดเกิดเหตุเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ก่อนถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งลาดขวา ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าตำรวจมีการถีบรถของนายอนุชาจนเสียหลัก ก่อนจะพุ่งชนกำแพงสุสาน ซึ่งเหตุการณ์อยู่นอกรัศมีกล้องวงจรปิด โดยโค้งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร
ด้าน
นายแจ็ค (นามสมมติ) เพื่อนของนายอนุชา เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับวิมาหลายปี ซึ่งวิเป็นคนดีมาก และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บุหรี่ก็ไม่สูบ อีกทั้งยังเป็นคนขยัน ช่วยพ่อแม่ทำงานมาตลอด และทำงานซื้อรถมอเตอร์ไซค์ด้วยตนเอง ซึ่งในวันเกิดเหตุ สาเหตุที่วิต้องขับรถหนีเนื่องจากน่าจะตกใจ เพราะว่าเป็นรถแต่ง และมีเสียงท่อดังมาก จึงขับซิ่งหนี อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุมากที่ถีบรถเพื่อนตนจนเกิดอุบัติเหตุ เพราะแค่ท่อดังถึงกับต้องฆ่าคน ตนก็เสียใจที่เพื่อนดี ๆ ต้องมาตายเช่นนี้
ขณะที่
นางจารีย์ มูลมะณี อายุ 41 ปี แม่ของนายอนุชา เปิดเผยว่า คู่กรณีก็ไม่เคยมาขอโทษหรือเยียวยาใด ๆ อีกทั้งงานศพลูกก็ไม่ได้มาร่วมงาน และขอขมาศพ ซึ่งอยากให้ตำรวจเข้ามาพูดคุยกันบ้าง ตนรู้สึกโกรธมากที่ลูกต้องมาตายแบบนี้ และหลังแจ้งความ ร้อยเวรเจ้าของคดีก็บอกแค่ให้รอหมายศาล ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหน แต่เมื่อโทรไปหาตำรวจเจ้าของคดี ก็ไม่มีคนรับสาย ซึ่งตนกลัวว่าจะไม่ได้ความเป็นธรรม เพราะตอนที่หลังเกิดเหตุ ก็มีตำรวจเสนอว่าให้ทำเรื่องสลับคนตายเป็นคนซ้อน และคนเจ็บเป็นคนขับ เพื่อเรียกเงินค่าเยียวจาก พ.ร.บ. เป็นเงิน 300,000 บาท แต่ตนและครอบครัวของคนเจ็บไม่ยอม เพราะไม่อยากได้เงิน แต่อยากได้รับความเป็นธรรม ซึ่งตนจะไม่เผาศพลูกจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
นางจารีย์ พูดทั้งน้ำตาว่า ตนมองรูปลูกแล้วร้องไห้ทุกวัน เพราะทำให้รู้สึกเหมือนว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งผ่านมากกว่า 4 เดือนแล้ว ตนก็ยังทำใจไม่ได้ กินข้าวไม่ลง กลางคืนก็นอนไม่หลับ
โดย
พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทร์ปรีชา ผกก.สภ.บ้านโป่ง เปิดเผยว่า เนื่องจากในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง มักมีเรื่องร้องเกี่ยวกับวัยรุ่นจับกลุ่มรวมตัวแข่งรถ อีกทั้งมีการดัดแปลงสภาพรถ แต่งท่อเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนโดยทั่วไป
สภ.บ้านโป่ง จึงมีมาตรการกวดขันวินัยจราจร มีการตั้งด่านและจุดสกัด ตลอดจนให้ความรู้เรื่องวินัยจราจรอย่างถูกต้องตามสถานศึกษาในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง นอกจากนั้นยังได้ประชาสัมพันธ์ผ่านผู้นำชุมชนไปยังผู้ปกครองให้ช่วยสอดส่องดูแลบุตรหลานเรื่องการใช้รถใช้ถนนด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
โดย ส.ต.ท.ธนกฤต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะเตรียมปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณหน้าโรงเรียนวัดบ้านโป่ง พร้อมครูอาสาจราจร ได้ยินเสียงเบิ้ลเครื่องท่อรถจักรยานยนต์ดังมาจากในวัดบ้านโป่งหลายครั้ง จึงได้ขี่รถเข้าไปตรวจสอบ จนพบกับนายอนุชาและเพื่อนบริเวณซุ้มประตูวัด จึงได้ขี่รถขวางไว้ พร้อมแจ้งให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ แต่นายอนุชากลับบิดรถหลบหนีไปด้วยความเร็ว พฤติกรรมส่อมีพิรุธ จึงตัดสินขี่ไล่ตาม สุดท้ายนายอนุชาได้ขี่รถเสียหลักไปเอง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ถีบรถตามที่ถูกกล่าวอ้าง