จากกรณี ทีมข่าวอมรินทร์ได้รับเรื่องร้องเรียนมากจากผู้ปกครองของ น.ส.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ว่าน้องน้ำถูกกลุ่มคนที่รู้จักกัน ซึ่งทำงานเป็นกู้ภัย 2 คน อยู่ภายในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ข่มขืน-กระทำชำเรานั้น
ล่าสุด วันที่ 21 ก.พ.65 นางนิด (นามสมมติ) อายุ 55 ปี ยายของเด็กผู้เสียหาย เผยว่า หลานสาวเป็นเด็กน่าสงสาร ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 2 ขวบ พ่อแม่ของหลานสาวก็แยกทางกัน ปล่อยหลานสาวทิ้งไว้ให้อยู่กับยายอีก 2 คน ภายในพื้นที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กระทั่งช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหลานสาวมาเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนชักชวนไปทำงานเป็นอาสากู้ภัย ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี หลานสาวมีความคิดอยากจะช่วยเหลือสังคม จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ตนก็รู้สึกเสียใจ สงสารหลานสาวที่เจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว
หลังทราบเรื่องจากหลานสาว ตนจึงให้คนในครอบครัวพาหลานสาวไปแจ้งความดำเนินคดี พร้อมทั้งพาไปตรวจร่างกายกับทางโรงพยาบาล เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี อยากจะให้ผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวได้รับโทษกับสิ่งที่ทำ อีกทั้งมารับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้กับหลานสาวของตนที่ถูกข่มเหงน้ำใจ เพราะหลังเกิดเรื่องทางคู่กรณียังไม่ได้มากล่าวคำขอโทษ หรือรับผิดชอบใ ๆ ทั้งสิ้น จึงยืนยันจะขอดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด
ตนอยากฝากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ ถึงผู้ปกครองที่มีลูกสาวที่อายุยังน้อย ควรดูแลอย่างใกล้ชิดอย่าให้ละสายตา จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากนี้ตนเองก็จะให้ความสำคัญกับหลานสาวมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ จะได้ผ่านพ้นเรื่องราวเลวร้ายในครั้งนี้ไปได้
น.ส.น้ำ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ยายฟังว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าว 2 คนคือ นายท็อป (นามสมมติ) อายุ 23 ปี และนายอาร์ท (นามสมมติ) อายุ 23 ปี เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย เหตุเริ่มจากก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อนของตนที่รู้จักกันได้ชวนไปทำงานเป็นอาสากู้ภัยจุดเดียวกับที่ผู้ก่อเหตุทำอยู่ก่อนแล้ว ตนที่เห็นว่างานกู้ภัยเป็นการช่วยเหลือคน จึงสนใจแล้วไปร่วมเป็นอาสากู้ภัยกับเพื่อนที่ชักชวน หลังจากนั้นตนจึงได้รู้จักกับผู้ก่อเหตุ
วันเกิดเหตุ 18 ม.ค. 65 เวลาประมาณเที่ยงคืน เป็นเวรของตนที่ต้องเฝ้าศูนย์วิทยุช่วงกลางดึก ซึ่งจะมีนายท็อป (นามสมมติ) ที่เป็นรุ่นพี่กู้ภัยเฝ้าอยู่ในห้องวิทยุกับตนด้วย นายท็อปได้พูดชักชวนตนให้เข้าไปนั่งในห้องศูนย์วิทยุด้วยกัน ตนที่ไม่ได้คิดอะไร จึงเข้าไปนั่งเล่นโทรศัพท์ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นายท็อปก็ได้เดินมาโอบเอวตนจากด้านหลัง ก่อนพยายามผลักดันตนให้นอนลงกับพื้น และพยายามใช้มือล้วงเข้าไปในของตน ตนพยายามขัดขืนแล้วบอกให้นายท๊อปหยุด แต่นายท๊อปพยายามขัดขืน ยัดเหยียดการมีเพศสัมพันธ์ให้กับตน
ตนที่เป็นผู้หญิงจึงสู้แรงไม่ไหว ถูกนายท๊อปข่มขืนโดยไม่สวมถุงยางอนามัยจนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ตนโดนข่มขืนในครั้งที่ 1 ตนก็ยังไม่กล้าบอกใคร เนื่องจากอับอาย เลยไม่ได้บอกให้คนในครอบครัวรู้ จนมาถูกข่มขืนเป็นครั้งที่ 2 จากนายอาร์ท (นามสมมติ) ที่เป็นเพื่อนกับนายท็อป ในวันที่ 20 ม.ค.65 ลักษณะเดียวกันกับที่ถูกนายท็อปกระทำ ตอนแรกตนไม่กล้าบอกใคร จนเวลาผ่านมาถึงเดือน ก.พ. 65 ตนเริ่มมีความกังวล เกรงว่าตัวเองจะตั้งท้อง เลยบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนในครอบครัวฟัง ทำให้วันที่ 12 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา ยายของตนจึงพาตนเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร เพื่อลงบันทึกประจำวัน เดินทางตรวจร่างกายกับทางแพทย์ รพ.คอนสาร ผลปรากฏว่าภายในช่องคลอดของตนมีร่องรอยฉีกขาด ตนอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อจะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุกับบุคคลอื่น และมารับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกโกรธและไม่อยากมองหน้าบุคคลทั้ง 2 อีก พร้อมทั้งหลังจากนี้จะไม่ขอไปทำงานเป็นอาสากู้ภัยที่จุดดังกล่าวอีกเช่นกัน สุดท้ายนี้ตนอยากฝากให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ถึงเด็กผู้หญิงให้ควรเอามาระวังและอย่าหลงเชื่อ หรือเชื่อใจใครโดยที่ไม่ได้ศึกษาหรือรู้จักนิสัยใจคอให้ดี จะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนที่ตนเคยถูกกระทำ
หลังจากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปยังศูนย์วิทยุสมาคมฯ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นายรุ่งชัย รวยสูงเนิน รองหัวหน้ากู้ภัยฯ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นผู้ใหญ่ในสมาคมกู้ภัยเพิ่งจะมาทราบเรื่องจากทางทีมข่าว เนื่องจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา คู่กรณีทั้ง 2 คน เป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 จึงให้พักกักตัวดูอาการอยู่ที่บ้าน ไม่ได้มีการพูดคุยหรือทราบเรื่องกรณีที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะเป็นรองหัวหน้ากู้ภัยประจำจุดคอนสารจะรายงานให้ทางผู้ใหญ่ทราบ เพื่อประชุมหารือว่ากรณีที่เกิดขึ้น จะมีการแก้ไขและดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหากบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ส่วนทางเด็กผู้เสียหายนั้นในส่วนเรื่องการเยียวยาต้องให้ทางหัวหน้าหรือผู้ใหญ่ตกลงตัดสินใจตามความเหมาะสมต่อไป
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุ ภายในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นายท็อป (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุ เผยว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นตนยอมรับว่าตนมีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.น้ำ จริง แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้มีการบังคับขืนใจ น.ส.น้ำ เป็นผู้สมยอมมีเพศสัมพันธ์กับตนเอง และเป็นฝ่ายที่เริ่มเข้าหาตนก่อน นอกจากนี้ที่ น.ส.น้ำ กล่าวอ้างว่าขณะมีเพศสัมพันธ์กัน ตนไม่สวมถุงยางอนามัย ขอยืนยันว่าตนสวมถุงยางอนามัยป้องกันเป็นอย่างดี
สำหรับเรื่องที่ตนมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่ยังมีอายุเพียง 16 ปี ตนยอมรับความผิด พร้อมทั้งอยากจะกล่าวคำขอโทษกับทางครอบครัวเด็กผู้เสียหาย ซึ่งยอมรับว่าที่ทำไป เป็นเพราะฝ่ายหญิงเริ่มก่อน ตนจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ทั้งนี้ อยากให้ทางครอบครัวของผู้เสียหายและคนในสังคมมองความสองด้าน ไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถี่ถ้วนก่อนเสพข่าว
ด้านนายอาร์ท (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุ เผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.น้ำ จริง เพราะมีเซนต์ แล้วมองออกว่า น.ส.น้ำ มีเพศสัมพันธ์กับนายท็อปมาก่อนหน้าตน แต่ในวันที่มีเพศสัมพันธ์กัน ตนยืนยันว่าไม่ได้บังคับหรือข่มขืนจิตใจ น.ส.น้ำ แต่อย่างใด ซึ่งตัว น.ส.น้ำ เป็นคนมาอ่อยตนก่อน ทำให้เกิดอารมณ์คล้อยตาม และตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กัน
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะเป็นผู้กระทำผิดก็อยากจะขอโทษทางครอบครัวของ น.ส.น้ำ ที่เป็นผู้เสียหาย แต่ในส่วนที่ทางครอบครัวไปดำเนินการแจ้งความกับทางเจ้าที่ตำรวจ หวังจะให้ตนรับผิดชอบตนก็ยอมรับความผิด ส่วนนี้ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และอยากให้ครอบครัวของ น.ส.น้ำ ลองสอบถาม น.ส.น้ำ ให้ดีก่อนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความจริงเป็นอย่างไร
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คอนสาร ให้ข้อมูลว่าสำหรับกรณีที่เกิดขึ้น ทางฝ่ายหญิงได้มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนของเรื่องคดี หลังจากนี้จะต้องมีการเรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาพูดคุยถึงปมเหตุที่เกิดขึ้น หากการสอบสวนพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป