ครอบครัวเหยื่อ “ปุ๊ 5ศพ” เปิดหลักฐานคืนรถหรูนับล้าน เชื่อเงินสดในบัญชีพ่อตา เคลียร์ก่อนตาย (คลิป)

จากกรณีนายธีรพล ปิ่นอมร หรือ ปุ๊ อายุ 39 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืน 9 มม. ยิงภรรยาตัวเอง และคนในครอบครัวภรรยาเสียชีวิต รวม 5 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย ก่อนจะหลบหนีไป เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 62 ในเขตพื้นที่ สภ.พญาแมน จ.อุตรดิตถ์ และต่อมาถูกจับได้ที่ จ.ระนอง (อ่าน : แม่ “ปุ๊ 5 ศพ” แฉ ฝ่ายหญิงร้าย กดขี่ลูก พ้อหลงเมียทุ่มหมดตัว ให้ทองแม่ยังถูกด่ากราด)

สำหรับบรรยากาศงานฌาปนกิจศพของผู้เสียชีวิตทั้งสามคนที่วัดเกาะวารี ได้แก่ นายวิรัตน์ กิ่งแก้ว พ่อตาคนก่อเหตุ, นางน้ำผึ้ง อินทรสิทธิ์ แม่ยายคนก่อเหตุ และนางสาวกัญญาภัทร กิ่งแก้ว ภรรยาคนก่อเหตุ ญาติได้เคลื่อนย้ายโลงศพมายังสถานที่จัดงานฌาปนกิจศพ

โดยพิธีการเผาศพจัดขึ้นด้วยการก่อกองฟอนทั้งสิ้น 3 กอง เนื่องจากเมรุเผาศพทั่วไปมีไม่เพียงพอ ด้วยการใช้ไม้ท่อนและเศษไม้เกือบ 200 ท่อน นำมากองรวมกัน ขุดหลุมตั้งเสาด้วยไม้สูงขนาด 1.5 เมตร รวม 18 ต้น ตั้งเป็นเชิงตะกอนกองฟอนขึ้นมาเพื่อวางศพเรียงกันแต่ละช่องมีความกว้างประมาณ 1.00 เมตร ยาว 2.50 เมตร ระยะห่างประมาณ 1.50 เมตร ชั้นล่างสุดวางด้วยด้วยท่อนฟืน ส่วนที่วัดบ้านดง มีการนำศพนางน้ำผา และนางกนกวรรณพี่สาวฝาแฝด และพี่สาวของนางน้ำผึ้งมาทำพิธีฌาปณกิจศพที่วัดแห่งนี้

โดย นางสุ น้องสาวผู้เสียชีวิต แถลงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนว่า นายปุ๊เสพยาเสพติด และทุกครั้งที่นายปุ๊เสพยากลับมา จะมีพฤติกรรมรุนแรง หลอน ชอบด่าทอ ทำร้ายร่างกายพี่สาวเสมอ หนักสุดคือใช้เข็มขัดรัดคอ นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมหึงหวงรุนแรง พี่สาวจึงบอกเลิก ส่วนเรื่องทรัพย์สินนั้นครอบครัว พ่อและพี่สาวไม่เคยอยากได้ทรัพย์สินของนายปุ๊แต่อย่างใด

ซึ่งภายหลังจากการแถลง นางสุ เปิดเผยอีกว่า ตอนนี้หากทรัพย์สินทั้งหมดต้องคืนให้กับญาติของนายปุ๊ ตนก็ยินดีคืนให้ เนื่องจากครอบครัวตนไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยืนยันว่าครอบครัวของตนไม่ได้ไปขอทรัพย์สินของอีกฝ่าย ส่วนกรณีเงิน 29 ล้านบาทที่นายปุ๊ฉ้อโกงมานั้น ครอบครัวตนก็ไม่มีส่วนรู้เห็น และยินดีคืนทรัพย์สินไปทั้งหมด ตนไม่กลัวว่าครอบครัวซึ่งมีชื่อในทรัพย์สินต่าง ๆ จะต้องมีส่วนผิดไปด้วย เพราะพวกตนไม่ได้ทำอะไรผิด และเป็นผู้เสียหายเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนตัวนั้น ตนเชื่อว่าสาเหตุที่นายปุ๊มาก่อเหตุดังกล่าว อาจเป็นเพราะครอบครัวตนคืนทรัพย์สินให้ไปหมด แล้วนายปุ๊คงไม่มีที่ไป จึงเกิดความรู้สึกโกรธแค้นจนมาก่อเหตุ

ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่านายปุ๊มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือไม่ แต่เห็นว่าอีกฝ่ายเคยอ้างว่าตัวเองรู้จักกับคนใหญ่คนโต มีนายพลทหารหนุนหลัง ซึ่งตนก็รู้สึกกังวลว่านายปุ๊จะมีผู้ให้ความช่วยเหลือเรื่องคดี

สำหรับบ้านเรือนไทย นายปุ๊เป็นคนซื้อมาด้วยเงินสดกว่า 3 ล้านบาท แต่ราคารวมไม่น่าจะมีมูลค่าถึง 10 ล้านบาท หากใครจะเอาบ้านเรือนไทยก็ขอให้เอาคืนไป เพราะครอบครัวตนไม่อยากได้ และไม่คิดจะเก็บไว้ รวมถึงไม่มีทางให้น้องมด ลูกชายของนางสาวอ้อมย้ายเข้าไปอยู่ด้วย สุดท้ายนี้ ตนไม่มีอะไรจะฝากถึงครอบครัวนายปุ๊ เพราะเข้าใจว่าคงรักลูกเขา แต่อยากให้คิดสักนิดว่านายปุ๊โตแล้ว น่าจะมีความคิดสักหน่อย

ด้าน นายเอกราช น้องเขยผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า รถกระบะสีขาวคันดังกล่าว นายปุ๊เป็นคนไปซื้อมือสองมาให้ โดยบอกให้ตนกับพ่อตาไปเอาที่ศูนย์รถ ขณะนั้นตนก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายยกทรัพย์สินให้มากขนาดนี้ เนื่องจากนายปุ๊อ้างว่าเขาเล่นหุ้น และเป็นพ่อค้าหวยรายใหญ่ ตนจึงคิดว่าเขาคงมีฐานะอย่างมาก โดยวันนี้ตนนำรถกระบะสีขาวที่นายปุ๊ซื้อมาให้ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว

สำหรับเรื่องที่นายปุ๊ฉ้อโกงเงิน 29 ล้าน มาให้ครอบครัวตนนั้น ตนยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง และฝ่ายตนก็ยินดีจะคืนทรัพย์สินให้ไปหมด เพราะพวกตนหาเงินเองได้ ไม่จำเป็นต้องขอร้องให้ใคร ส่วนทรัพย์สินคือ เงินสด นายปุ๊เคยฝากเงินเข้าบัญชีของพ่อตาไว้ แต่ได้นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินออกมาหมดแล้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ทั้งหมด ตนมาทบทวนได้ว่า พฤติกรรมของนายปุ๊อาจเข้าข่ายฟอกเงิน เนื่องจากอีกฝ่ายซื้อของชิ้นใหญ่ด้วยชื่อของคนในครอบครัวตน แล้วกลับมาทวงคืนในภายหลัง