โคตรอันตรายเฒ่าคลั่งรักไล่แทงคน เหยื่อช็อกถูกไล่เสียบเจอแหกปากขู่ “ไอ้เห้เดี๋ยวมึงตาย” (คลิป)

กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางรัก ร่วมกันสืบสวนจับกุมตัว นายเพ็ชร น้อยช่างเหล็ก อายุ 75 ปี ชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้ที่บริเวณทางเดินเท้าข้าง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน เนื่องจากเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 65 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางรัก ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดแทงนายโจ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี บริเวณป้ายรถประจำทางตรงข้ามอาคารจามจุรีสแควร์ ถนนพระราม 4 จนได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นแขนขวา ก่อนนำตัวเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

ทั้งนี้ นายเพ็ชร ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำหมายจับของศาลแขวงปทุมวันที่ จ.48/2565 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 65 แสดงให้ดู ก่อนนายเพ็ชร จะยอมรับสารภาพอีกว่า ตนไม่เคยมีปัญหากับผู้บาดเจ็บ แต่ขณะนั้นเครียด ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ที่แฟนนอกใจ และเป็นจังหวะที่ผู้เสียหายอยู่ใกล้เคียง จึงใช้อาวุธมีดระบายความเครียด ส่วนอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ โยนทิ้งระหว่างนั่งรถไฟไป จ.ลพบุรี

อย่างไรก็ตาม ตำรวจ สน.บางรัก ได้ดำเนินคดีในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และจากการตรวจสอบประวัติของนายเพ็ชร ไม่พบว่ามีประวัติการกระทำความผิด

นอกจากนี้ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับภาพวงจรปิดตามโครงการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จับภาพขณะเกิดเหตุบริเวณป้ายรถประจำทาง ผู้เสียหายสวมเสื้อสีแดงพยายามเดินหนีคนร้ายจากหลังป้ายฯ มาหน้าป้าย แต่จังหวะที่ผู้เสียหายหันหลังนั้น คนร้ายใช้มีดแทงที่แขนผู้เสียหายทันที ก่อนจะวิ่งหนีแต่คนร้ายวิ่งไล่ตาม

ส่วนวงจรปิดอีกมุม สามารถบันทึกภาพและเสียงคนร้ายตะโกนว่า "ไอ้เหี้...เดี๋ยวมึงตาย ๆ" และวิ่งไล่ตามผู้เสียหายไปติด ๆ จนถึงแยกสีลม โดยมีรปภ.ของคอนโดฯ แห่งหนึ่ง เห็นเหตุการณ์ แต่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ คาดว่าไม่รู้ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นหรือไม่ 

ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณป้ายรถประจำทางตรงข้ามจามจุรีสแควร์ สายรถประจำทาง สาย 4 ,45 ,46 ,47 ,50 ,67 และ 507 ตั้งอยู่ริมถนนพระราม 4 ซึ่งในช่วงเช้าพบว่าประชาชนยังคงมายืนรอรถประจำทางกันตามปกติ จากการพูดคุยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่รอรถประจำทางในช่วงเช้า จึงไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนรปภ.คอนโดฯ อ้างว่าไม่ใช่ รปภ.กะเย็น ทราบจากรายงานเพียงว่ามีเหตุเกิดขึ้นและมีผู้บาดเจ็บเพียง 1 คน

ขณะที่ นางนิด (สงวนนามสกุล) เจ้าของร้านข้าวแกงใกล้ป้ายรถประจำ เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าวตนตั้งโต๊ะขายข้าวแกงหน้าร้าน แต่ไม่เห็นเหตุการณ์และไม่รู้เรื่องเลยว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ทราบเรื่องในช่วงเช้าอีกวัน เพราะตำรวจมาสอบถาม จึงทราบว่าคนเจ็บไม่ได้หนีมาทางร้านตน จึงไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้ ตนยอมรับว่ากลัว เพราะร้านก็อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ตนพยายามระวังตัว ส่วนบรรยากาศป้ายรถประจำทางยังคงมีผู้คนมายืนรอรถกันปกติ จึงฝากผู้ใช้รถโดยสารสาธารณะหรือรถประจำให้ระมัดระวัง

พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยว่า หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีไปตามถนนพระราม 4 เมื่อถึงแยกศาลาแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำริ เดินตามถนนราชดำริมุ่งหน้าแยกราชประสงค์ จากนั้นเดินข้ามแยกไปขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 77 บริเวณข้างห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จากนั้นลงรถเมล์ที่สวนจตุจักร ขึ้นรถโดยสารประจำทาง สาย 29 ไปลงสถานีรถไฟดอนเมือง จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟเดินทางไปจ.ลพบุรี ก่อนมาปรากฎตัวอยู่บริเวณทางเดินเท้า ข้าง รพ.จุฬาลงกรณ์

ทีมข่าวได้พูดคุยนายโจ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย ผ่านทางโทรศัพท์ เพราะยังอยู่ระหว่างพักฟื้น ซึ่งแขนถูกแทงทะลุ เย็บ 7 เข็ม แต่โชคดีไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ เตรียมตัดไหมวันที่ 14 มีนาคม 65

นายโจ กล่าวว่า ตนทำงานบริษัทอยู่ในย่านดังกล่าว เมื่อเลิกงานทุก ๆ เย็นจะยืนรอแฟนสาวมารับกลับบ้านที่ป้ายรถเมล์ แต่ในวันนั้นมีคนร้ายเดินผ่านหน้าไป ก่อนย้อนมาด่าตนว่า “กูอยู่ตรงนี้ กูคนชลบุรี” ตนรู้ได้ว่านี่คือคนบ้าแน่ ๆ จึงเดินห่างประมาณ 7 ก้าว แต่ช่วงหันกลับมาดูก็ถูกแทงที่ต้นแขน แถมคนร้ายจะแทงซ้ำ ตนจึงวิ่งหนีพร้อมตะโกนว่า “มีคนบ้าไล่แทง ๆ ทุกคนก็หนีไป” ส่วนคนร้ายก็วิ่งไล่ตามตนไม่หยุด และไม่มีใครช่วยจับคนร้ายด้วย 

เมื่อตนเดินไปถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ตรงข้ามที่ทำงาน ตนจึงข้ามไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ที่ทำงาน เพราะเลือดออกเยอะมาก ๆ ในใจคิดว่าเอาชีวิตรอด ปล่อยคนร้ายไปก่อน เพราะไม่อยากแลก มันไม่คุ้มค่า ตนงงมากเพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน ช่วงที่ชายดังกล่าวด่า ตนก็ไม่ได้เถียงอะไรเขากลับไปด้วย สำหรับตอนนี้สบายใจที่ตำรวจับตัวคนร้ายได้แล้ว แต่พอเห็นสภาพผู้ต้องหาแล้วก็สงสาร เพราะเขาอายุมากแล้ว เบื้องต้นตนได้คุยกันก็มีการขอโทษ พร้อมกับขอร้องจากตนว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องคดีความ ตนจึงอธิบายว่ามันต้องเป็นไปตามกฎหมาย "ถ้าลุงคุมตัวเองไม่ได้ ก็อย่าพกมีด เดียวไปทำร้ายคนอื่นอีก"

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันคนเร่ร่อนเยอะมาก บางคนอาจตกงานแล้วเครียด ไม่มีเงิน ค่าครองชีพก็สูง ทำให้คนเครียดมากขึ้น และอาจจะมาระบายความเครียดแบบนี้ก็ได้ ดังนั้นเดินไปไหนก็ให้ระวังตัว ส่วนตนก็จะระวังมากยิ่งขึ้น เพราะจริง ๆ คนไร้บ้านมีหลายรูปแบบ คนดี ๆ ก็มี

นายพิกุล คำอ่อน อายุ 46 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ในช่วงที่ตำรวจจับคนร้ายได้ เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นตนนั่งอยู่ที่วินกับเพื่อน ๆ เห็นชายสูงอายุ ซึ่งเป็นลุงเจ้าประจำที่ชอบเดินผ่านไปมาบ่อยครั้ง เขานั่งยอง ๆ อยู่ริมฟุตพาท ข้างรถจักรยานยนต์ สักพักตำรวจนอกเครื่องแบบวนรถมา และอ้อมเข้าข้างหลังผลักไหล่ลง ซึ่งลุงก็ร้องว่า “จับผมทำไม ๆ ผมเป็นคนดี ผมทำผิดอะไร” ตำรวจจึงแสดงหลักฐานให้ดู ลุงก็มองที่รูปและทำหน้าตาเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะถูกตำรวจคุมตัวไป

สำหรับช่วงที่ผ่านมา ลุงคนนี้เดินผ่านก็ปกติดี ไม่มีพฤติการจะทำร้ายใคร รอบนี้ก็ดูนิ่งเฉย ๆ คาดว่าลงมือทำร้ายแล้วก็คงลืมสิ่งที่เคยก่อเหตุเอาไว้ แต่ขาของเขาเดินไม่ถนัด อย่างไรก็ตาม ตนต้องชื่นชมตำรวจที่จับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว คนก่อเหตุแบบนี้เป็นภัยสังคม คนเหล่านี้ถ้าไม่คิดจะทำมาหากิน จริง ๆ ก็ควรไปอยู่ในที่ควรอยู่ ที่ผ่านมาทางใครทางมันตนไม่สนใจคนเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ประชาชนก็ควรใช้ชีวิตแบบระวังตัว เพราะตอนนี้อยู่กันลำบาก แต่ละคนจิตใจคิดอะไรอยู่เราไม่รู้