กรณีหนุ่มรายหนึ่ง อาชีพพนักงานขายสินค้า ในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เดินทางหอบเอกสารเข้าแจ้งความกับตำรวจ อ้างว่าถูกสาวสวยที่รู้จักกันผ่านโซเชียลฯ หลอกให้หลงรัก ก่อนจะโอนเงิน ซื้อทองเปย์หมดไปทั้งสิน 75,000 บาท สุดท้ายถูกบล็อกช่องทางการติดต่อ เนื่องจากฝ่ายหญิงโต้กลับมาถูกผู้ชายทักมาจีบ และเป็นการโอนเงินให้ด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ไปหลอกหรือบังคับแต่ประการใด อีกทั้งรับไม่ได้ที่ฝ่ายชายพยายามรบเร้าขอมีเซ็กซ์บ่อยครั้ง
ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.65 นายชนัญชัย หรือ เจน อายุ 27 ปี หนุ่มคนดังกล่าว ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนถูกสาวสวยคนหนึ่งชื่อกุ้ง (นามสมมติ) อายุ 30 ปี หลอกให้หลงรักและหลอกโอนเงินซื้อทองหมดไปประมาณ 75,000 บาท แต่สุดท้ายฝ่ายหญิงกลับบล็อกช่องทางการติดต่อทั้งมือถือ และเฟซบุ๊ก
จากนั้นพนักงานสอบสวน จึงได้โทรศัพท์ติดต่อฝ่ายหญิง เพื่อให้มาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่โรงพัก เมื่อฝ่ายหญิงเดินทางมาถึง สภ.นางรอง ทันทีที่เห็นนายเจน ยืนอยู่ที่ศาลาด้านหน้าโรงพัก ก็เดินตรงเข้าไปต่อว่าฝ่ายชายด้วยความโมโห แล้วกระโดดถีบฝ่ายชายไป 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังถอดรองเท้าพยามยามจะตบหน้าฝ่ายชายอีกด้วย ซึ่งฝ่ายชายก็ไม่ได้มีท่าทีจะตอบโต้แต่อย่างใด ก่อนจะมีคนเข้าไปห้ามและบอกให้ไปคุยกันบนโรงพัก
ในช่วงที่ฝ่ายหญิงกำลังด่าฝ่ายชายนั้น ปรากฏเสียงบางช่วงว่า "คบกันอ่ะ มันต้องใช้เวลา แต่คบกันไม่ถึงเดือนจะจู่โจม จะขอมีเซ็กซ์อย่างเดียว พูดหมิ่นประมาทหนูด้วย พาพี่ขึ้นสวรรค์หน่อย แล้วโทรไปเรียกร้องพ่อหนูด้วย หนูจะใช้ข้อหาหมิ่นประมาท เพราะเขาพูดต่อหน้าหนูว่าพาพี่ขึ้นสวรรค์ หนูไม่ยอม"
นายเจน เล่าให้ฟังว่า ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 64 ที่ผ่านมา เพื่อนของตนได้แนะนำให้รู้จักกับ น.ส.กุ้ง ซึ่งตนเห็นแล้วก็รู้สึกชอบทันที จึงได้ทักเฟซบุ๊กไปเพื่อพูดคุยกัน จากนั้นก็แชตและโทรศัพท์คุยกันมาเรื่อย บางครั้งก็นัดกินข้าว ฝ่ายหญิงจึงเริ่มเอ่ยปากขอเงินจากตน ด้วยความที่ตนชอบและคิดว่าฝ่ายหญิงคงจะชอบตนเช่นกัน ตนก็โอนเงินให้หลายครั้ง กระทั่งวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ก็นัดไปกินข้าวแล้วตนก็ซื้อแหวน 1 สลึง ให้ฝ่ายหญิง ในราคา 7,800 บาท แต่รวม ๆ แล้ว เงินที่โอนไปให้ทั้งหมด ประมาณ 70,000 บาท
แต่พอมาวันนี้ตนได้นัดกัน เพื่อจะพาฝ่ายหญิงไปทำบุญ หลังจากทำบุญเสร็จก็จะไปรีสอร์ตตามประสาหนุ่มสาวที่คบหากัน แต่ฝ่ายหญิงกลับบล็อกการติดต่อ ตนจึงคิดว่าฝ่ายหญิงไม่ได้จริงใจ และน่าจะหลอกเอาเงินของ ตนจึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับหญิงสาวคนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่าจริงใจกับฝ่ายหญิง และตั้งใจจะคบหาเป็นแฟน แต่ฝ่ายหญิงกลับทำเหมือนไม่ได้จริงใจกับ ตนก็รู้สึกเสียใจ ส่วนเงินที่เสียไปก็เป็นเงินเก็บที่ตนทำงาน ตนก็ไม่ได้เสียดายแต่เสียความรู้สึกมากกว่า ในเมื่อฝ่ายหญิงบอกว่าไม่ได้รัก ต่อไปนี้ก็คงต่างคนต่างอยู่และจบกันเพียงเท่านี้
ด้าน น.ส.กุ้ง กล่าวว่า ฝ่ายชายเป็นคนทักมาหาตน ซึ่งตนก็บอกเขาไปว่าไม่ได้ชอบ แต่ฝ่ายชายก็บอกว่า "ขอโอกาสหน่อย" ตนก็เลยตอบกลับไปว่า "ถ้าอยากคบก็คบ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าคบเป็นแฟนกัน แค่ลองคุยกันดู" จากนั้นเขาก็ทักเฟซบุ๊กและไลน์ชวนไปกินข้าว ตนก็บอกไปว่า "ขอตังค์หน่อย สัก 1-2 พันบาท" จากนั้นเมื่อออกไปกินข้าวเขาก็จะเป็นฝ่ายโอนเงินให้ตนเสมอ
ส่วนในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ตนยอมรับได้พูดว่า "วันวาเลนไทน์จะได้อะไรน้อ" ฝ่ายชายก็บอกว่า "เดี๋ยวพี่จะพาไปซื้อแหวน" จากนั้นเขาก็พาตนไปซื้อแหวนทองจริง ๆ ส่วนที่ฝ่ายชายบอกว่าตนหลอกให้โอนเงินนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเขาโอนให้ตนด้วยความสมัครใจ และตนไม่ได้บังคับ ซึ่งยอดเงินทั้งหมดตนก็มีหลักฐานว่าเขาโอนมาให้เพียง 30,000 บาท
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกัน ตนยอมจ่ายเงินคืนให้ฝ่ายชาย เป็นจำนวน 4,000 บาทตามที่เอ่ยปากขอยืมเท่านั้น แต่ว่าตนจะขอผ่อนจ่าย 2 เดือน และขอยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงเงินฝ่ายชาย แต่ที่ต้องตีตัวออกห่างเพราะว่ารับไม่ได้และไม่ชอบที่ฝ่ายชายพยายามจะรบเร้าขอมีเซ็กซ์ ซึ่งจริง ๆ หากจะคบหากันก็ควรต้องใช้เวลาดูใจกันไปก่อน
นอกจากนี้ หลังจากที่ตำรวจ และทนายอาสา เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่าย ก็จบลงได้ด้วยดี ฝ่ายหญิงพร้อมจะคืนเงิน 5,000 บาทที่เอ่ยปากขอยืมฝ่ายชาย ส่วนฝ่ายชายก็ยอมรับข้อเสนอ และทั้งสองฝ่ายก็ไม่ติดใจเอาเรื่องกันและกัน ก่อนจะยืนยันว่าหลังจากนี้จะไม่คบหากันอีกต่อไป
