กรณีเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 21 ก.พ. 2565 ร.ต.ท.ณัฐติพงค์ ช่วยสกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิต บนถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงประสานกำลังทหารและฝ่ายปกครอง ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.คมกฤษ ศรีสงค์ ผกก.สภ.หนองจิก และฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นถนนเปลี่ยวและมืด พบศพ นายอารง เยง อายุ 61 ปี เป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านอยู่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าตามร่างกาย 3 นัด กระสุนเข้าที่ศีรษะด้านขวา 1 นัด ต้นขาขวา 1 นัด และต้นขาซ้าย 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ใกล้กันมีรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ 2 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ลักษณะเป็นทางเปลี่ยว สองข้างทางเต็มไปด้วยป่า โดยจุดที่นายอารงถูกยิงนั้นอยู่ห่างจากบ้านของนายอารง ประมาณ 100 เมตร
ซึ่งตอนที่ทีมข่าวลงพื้นที่นั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถ.หนองจิก จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่กรมทหารพรานที่ 43 และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน
นางสาวฮานาซ (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18.00 น. นายอารง ผู้เสียชีวิต ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเพื่อจะไปร่วมงานศพของชาวบ้านที่มัสยิด กระทั่งไปถึงจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 2-3 นัด จากนั้นตัวเองจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วลูก ๆ ของผู้เสียชีวิตก็เดินทางไปที่เกิดเหตุ ไปพบศพนายอารงนอนเสียชีวิตอยู่ที่ข้างถนน เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็คาดว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 1 คน และคนร้ายก็น่าจะดักซุ่มอยู่ในป่าข้างทาง เพราะตอนเกิดเหตุตัวเองไม่ได้ยินเสียงรถของคนร้าย เท่าที่ตัวเองรู้จักกับคนตายก็เห็นว่าเขาเป็นคนเงียบ ๆ ก็ไม่รู้ว่าปมที่นายอารงถูกยิงมาจากสาเหตุอะไร ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ทำเอาตัวเองตกใจมาก
เวลา 13.00 น. นายมูฮัมมัด ดอเลาะ อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวครอบครัวของผู้ต้องสงสัยสอบปากคำที่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ประกอบด้วยนางสาวกะ กับนายมะรอปี อายุ 29 ปี น้องชายของนางสาวกะ และสามีคนที่ 3 ของนางสาวกะ มาสอบสวนที่โรงพัก จากเหตุที่นายอารง อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านถูกคนร้ายยิงจนเสียชีวิตเมื่อคืนนั้น
วันนี้เวลา 11.00 น. นางสาวกะรับสารภาพกับตัวเองแล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุจริง อ้างว่าเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว แม่ของนางสาวกะได้เจ็บป่วยเป็นอัมพฤกษ์ กระทั่งเสียชีวิต ต่อมาปี 2564 สามีคนที่ 2 ของนางสาวกะ ได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และเมื่อต้นเดือนมกราคม 2565 สามีคนที่ 3 ของนางสาวกะก็มาป่วยเป็นอัมพฤกษ์อีก นางกะได้ไปปรึกษาหมอธรรมได้ส่งคลิปตอนเขาเข้าทรงทำพิธีมาให้กับนางสาวกะ บอกว่าถ้าอยากให้สามีหายจากการเป็นอัมพฤกษ์จะต้องกำจัดต้นตอ ทำให้นางสาวกะได้มีการสั่งการน้องชายและลูกติดของสามีคนที่ 2 ให้ไปก่อเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยก่อนเกิดเหตุ นางสาวกะทำหน้าที่เป็นคนสั่งการฆ่า ส่วนนายมะรอปี น้องชายของนางสาวกะ ทำหน้าที่เป็นคนชี้เป้า โทรบอกมือปืนว่าผู้ตายออกบ้านตอนกี่โมง ไปในเส้นทางไหน และนายเท่ง (นามสมมติ) ลูกชายติดสามีคนที่ 2 ของนางสาวกะเป็นคนยิง ซึ่งนายเท่งซุ่มยิงผู้เสียชีวิตอยู่ข้างทาง หลังจากก่อเหตุเสร็จ นายเท่งได้วิ่งมาขับรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้บ้านนางสาวกะ ขับหลบหนีไป โดยตอนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัว
เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา นางสาวกะยังเคยเอาคลิปที่หมอธรรมส่งให้กับเขามาให้ตัวเองดูอีกด้วย บอกกับตัวเองว่า "ถ้าอยากให้สามีของเขาหายจากอาการอัมพฤกษ์จะต้องปิดต้นตอให้ได้" ซึ่งต้นตอดังกล่าวก็หมายถึงคนตาย ตอนนั้นตัวเองก็บอกกับนางสาวกะแล้วว่าตัวเองไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ พอนางสาวกะมาสารภาพกับตัวเองเมื่อช่วงสายวันนี้ก็ทำเอาตัวเองตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้ ส่วนกรณีที่นายอารง ถูกคนร้ายซุ่มยิงเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2565 ที่ผ่านมานั้น นางสาวกะบอกกับตัวเองว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีนั้น แต่กรณีล่าสุดเขารับสารภาพ
นางมาซีเตาะ สาแม อายุ 32 ปี เหลนของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สำหรับปมที่นายอารงถูกยิงเสียชีวิต ตัวเองคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ เขาเข้าใจผิดว่านายอารง ผู้เสียชีวิต ไปทำของใส่คนในครอบครัวของเขา โดยเมื่อประมาณ 5 ปี แม่ของผู้หญิงรายหนึ่ง เขาได้ล้มป่วยเสียชีวิต
ต่อมาปี 2564 สามีคนที่ 2 ของผู้หญิงรายดังกล่าว เขาได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และต้นปี 2565 สามีคนที่ 3 ของผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์อีก ทำให้ผู้หญิงคนดังกล่าวได้ไปปรึกษาหมอธรรมรายหนึ่ง เป็นผู้ชายในพื้นที่ จ.ยะลา กระทั่งหมอธรรมคนดังกล่าว ได้มีการส่งคลิปทำนายมาให้กับผู้หญิงคนดังกล่าว บอกว่าที่สามีคนที่ 2 และสามีคนที่ 3 ของผู้หญิงคนดังกล่าวต้องกลายเป็นอัมพฤกษ์ เพราะว่าเขาถูกนายอารง ผู้เสียชีวิต เลี้ยงผีและทำของใส่ แล้วหมอผียังบอกกับผู้หญิงคนดังกล่าวอีกว่า "ถ้าจะให้หาย ต้องปิดที่ต้นตอ ต้องไปดับคนเลี้ยงผี"
ซึ่งตัวเองในฐานะที่เป็นเหลนของผู้เสียชีวิตก็ไม่เชื่อว่านายอารงจะไปเลี้ยงผี และเสกผีใส่ครอบครัวผู้หญิงคนดังกล่าวได้ และยังยืนยันได้ว่าผู้ตายไม่เคยมีพฤติกรรมเลี้ยงผีแต่อย่างใด อย่าว่าแต่เลี้ยงผีเลย แม้แต่ผี ตัวเองก็ยังไม่เคยรู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ผู้หญิงคนดังกล่าวยังเคยไปพูดกับผู้ใหญ่บ้านว่า "เขาเหลืออดกับบ้านผู้ตาย"
นางมาซีเตาะ บอกว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายอารง ผู้ตายถูกซุ่มยิง โดยเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 23 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา นายอารงได้ไปกรีดยางในสวนยาง ถูกคนร้ายดักซุ่มยิงมาแล้ว 1 ครั้ง แต่โชคดีที่ตอนนั้นกระสุนไปโดนต้นยางพารา ไม่ได้โดนผู้ตาย ทั้งสองเหตุจึงทำให้ตัวเองเชื่อว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงคนดังกล่าว ทางครอบครัวตัวเองยังตั้งข้อสงสัยอีกว่าก่อนวันที่นายอารงจะถูกคนร้ายซุ่มยิงในครั้งแรก เมื่อ 23 มกราคม 2565 ผู้หญิงคนดังกล่าว เขาก็ได้มายืนเซลฟี่ที่หน้าบ้านของผู้ตาย ทั้งที่เขาไม่เคยมาที่บ้านของผู้ตายเลย ยิ่งทำให้พวกตัวเองเกิดความสงสัย
สำหรับผู้เสียชีวิตเคยเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และเขาก็ดีกับชาวบ้านทุกคน ทั้งยังไม่เคยมีเรื่องกับใครอีกด้วย โดยเมื่อเช้าวันนี้ ตำรวจก็ได้ปิดล้อมบ้านของผู้หญิงคนดังกล่าว แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าตำรวจคุมตัวใครไปสอบสวนบ้าง ตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคนก็มางานศพผู้ตายทั้งหมด ยกเว้นครอบครัวของผู้หญิงคนดังกล่าว จึงยิ่งทำให้ตัวเองสงสัยในตัวพวกเขา และถ้าผู้หญิงคนดังกล่าวมีส่วนร่วมในการก่อเหตุจริง ตัวเองก็อยากให้เขาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านหน้าห้องสืบสวน สภ.หนองจิก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสอบปากคำนางสาวกะ, นายมะรอปี และสามีคนที่ 3 ของนางสาวกะ มาสอบปากคำ นางสาวกะสีหน้าที่นิ่งเฉย ส่วนนายมะรอปีให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยเช่นเดียวกัน โดยตำรวจได้สอบปากคำ ตั้งแต่เวลา 11.00 น. มีบางช่วงบางตอน ก่อนสอบปากคำ นางสาวกะ ได้ทำการปะคองร่างของสามีคนที่ 3 ซึ่งป่วยอัมพฤกษ์เดินไม่ค่อยได้ด้วยนั้น
ด้านสามีคนที่ 3 ของนางสาวกะ เล่าว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2565 ตัวเองได้ปวดขาและแขนด้านซ้าย กระทั่งได้ไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาล ก็พบว่าตัวเองได้ป่วยอัมพฤกษ์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ ตัวเองป่วยอัมพฤกษ์ได้เป็นเวลา 1 เดือน ที่ผ่านมานางสาวกะ ภรรยาตัวเองก็ไม่เคยมาเล่าให้ตัวเองฟังว่าถูกคนทำของใส่จนทำให้ตัวเองเป็นอัมพฤกษ์แต่อย่างใด ที่ผ่านมานางสาวกะไม่เคยพูดเรื่องของผู้เสียชีวิต ตัวเองก็ไม่เคยเห็นภรรยาไปมีปัญหากับผู้เสียชีวิตด้วย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองก็คิดว่านางสาวกะ ภรรยาของตัวเอง น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด แม้เจ้าตัวจะยอมรับสารภาพแล้วก็ตาม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่พาตัวเองและภรรยามาให้ปากคำ ตัวเองยังไม่ได้พูดคุยกับภรรยาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น