กรณีเฟซบุ๊ก "เจ๊นุ่น กะปิโหว่ ปลีกส่ง" โพสคลิปวิดีโอปรากฏภาพของไรเดอร์สาวกะเตงลูกส่งอาหาร พร้อมระบุข้อความว่า “จ้างหยุด 2 วัน + เพิ่มอีก 2 วันเป็น 4 วัน จาก รวีวรรณ พุฒิพุฒชาติ ให้ค่าแรงน้องเพิ่ม ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ อยากให้น้องก้องภพ ได้พักผ่อนบ้างสัก 2 วัน ก็ยังดี”
ล่าสุดวันที่ 23 ก.พ.65 เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง และเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครระยอง ได้เดินทางไปที่บ้านเช่าเลขที่ 43/4 ถนนอดุลย์ธรรมประภาสน์ ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง จึงได้พบกับนางสุกัญญา วงษ์ลคร อายุ 38 ปี ไรเดอร์สาวแม่ลูกอ่อน และนายเกียรติศักดิ์ ลาแดง อายุ 47 ปี สามีที่แขนขวาขาดจากอุบัติเหตุ พร้อมกับเด็กชายก้องภพ อายุ 1 ปี 3 เดือน
นางสุกัญญา ไรเดอร์สาวคนดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า ตนต้องทำงานเป็นไรเดอร์วิ่งส่งอาหาร เนื่องจากรายได้ของครอบครัวไม่เพียงพอ และต้องช่วยสามีหารายได้ จึงต้องนำลูกไปด้วยเพราะไม่มีคนดูแล ส่วนรายได้ของสามีประมาณ 10,050 บาท/เดือน ส่วนตนรายได้ไม่แน่นอน
เนื่องจากรายได้ของตนจะขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งอาหารในแต่ละวัน รายได้จึงอยู่ระหว่าง 200-500 บาท/วัน และตนก็จะวิ่งรับออร์เดอร์ลูกค้าตั้งแต่เวลา 08.30 - 21.00 น. ทั้งนี้ ตนยังมีหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ รวมแล้วประมาณ 1 แสนบาท และยังมีค่านมลูกอีก 2,500 บาท/เดือน แม้รายได้จะไม่มากแต่ช่วยกันกับสามี ค่อย ๆ เก็บใช้หนี้ไปทีละน้อย
นายเกียรติศักดิ์ ผู้เป็นสามี พนักงานปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง และเป็นผู้พิการแขนขวา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ภรรยาของตนทำงานเป็น รปภ.อยู่ที่ห้างสรรพสินค้า ในตัวเมืองระยอง จากนั้นตั้งท้องและคลอดลูกจึงต้องลาออกมาเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด ทำให้ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ประกอบกับมีหนี้สินนอกระบบด้วย ภรรยาจึงตัดสินใจเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ตนก็เป็นห่วงเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายและอุบัติเหตุ ปกติตนเลิกงานก็จะมาช่วยเลี้ยงลูก
ทั้งนี้ แม้ตนจะลำบากก็จริง ต้องยืมเงินเพื่อนหรือคนรู้จัก เพราะรายได้ไม่เพียงพอใช้ในแต่ละเดือน ประกอบกับปริมาณหนี้สินที่มากเกินกำลัง จึงอยากขอบคุณหน่วยงานที่เข้ามายื่นมือช่วยเหลือ แต่ตนก็อยากจะเลี้ยงดูลูกกันเอง เพราะเมื่อตนกลับบ้านมาได้เจอหน้าลูกก็หายเหนื่อย และมีกำลังใจสู้ต่อไปแล้ว ตนจึงขอให้หน่วยงานช่วยดำเนินการเรื่องสร้างอาชีพให้ภรรยาของตนสามารถเลี้ยงลูกไปได้ด้วย เพราะตนกลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ก็ยังได้เจอหน้าภรรยาและลูกชาย
นางสาวนพพนา เจริญธรรม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ระยอง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับสามีภรรยาคู่ดังกล่าว ปัญหาของครอบครัวนี้เกิดจากการมีหนี้สิน ทั้งในระบบและนอกระบบ รวมกันแล้วนับแสนบาท แม้ว่าฝ่ายชายจะพิการแขนขาดแต่ก็ทำงานที่ปั๊มน้ำมัน มีรายได้เดือนละ 10,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายตลอดทั้งเดือน ฝ่ายหญิงจึงช่วยสามีด้วยการขี่ไรเดอร์ส่งอาหาร และไม่มีเงินมากพอที่จะนำเด็กไปฝากเลี้ยง จึงเลือกที่จะกระเตงลูกชายไปด้วย
"ทาง พมจ.เสนอให้นำเด็กฝากเลี้ยงกับเราก่อน 2 ปี เพื่อที่พ่อแม่จะได้ทำงานสะดวกขึ้น แต่ทั้งคู่ขอเลี้ยงดูเอง เบื้องต้นจึงได้ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์สำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นเงินฉุกเฉินให้เปล่า จำนวน 3,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เนื่องจากพ่อเด็กเป็นผู้พิการแขนขาด ก็จะประสานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กู้เงินของกองทุนคนพิการ เพื่อทำทุนค้าขายแล้วแต่สะดวก" นางสาวนพพนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าตรวจสอบบริเวณบ้านเช่าหลังดังกล่าว พบว่าหน้าบ้านสามารถตั้งโต๊ะเพื่อประกอบอาชีพค้าขายได้เป็นอย่างดี ทาง พมจ.จึงจะประสานเพื่อหาทุนทรัพย์ มาให้ เพราะจะได้สร้างสามารถมีอาชีพ พร้อมทั้งอยู่ดูแลลูกได้อย่างปลอดภัย และเป็นการแก้ปัญหาให้อย่างยั่งยืน