จากเหตุการณ์วันที่ 18 ม.ค. 62 คนร้ายจำนวนกว่า 10 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือบุกไปยิงพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ พร้อมพระลูกวัดมรณภาพ 2 รูป และได้รับบาดเจ็บ 2 รูป ในอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส (อ่าน :
สมเด็จพระสังฆราชโปรดให้รับการศพ "พระครูประโชติ" ไว้ในพระสังฆราชานุเคราะห์ ประทานกำลังใจพระภิกษุ 3 จังหวัดชายแดนใต้)
วันที่ 20 ม.ค. 62 บรรยากาศที่วัดรัตนานุภาพ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติโยมชาวบ้าน หน่วยงานในพื้นที่ และผู้ศรัทธาในพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดที่มรณภาพ เดินทางมาเคารพศพอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากเดิมวัดได้จัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้ ในศาลาหลังใหญ่ประมาณ 200 ตัว แต่กลับพบว่าประชาชนเดินทางเข้ามาร่วมงานมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงได้มีการกางเต็นท์ขนาดใหญ่อีก 4 หลัง และจัดเตรียมเก้าอี้อีกประมาณ 1,000 ตัว เพื่อรองรับจำนวนประชาชนที่จะเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนพิธีสวดอภิธรรมศพ พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ และพระสมุห์ อรรถพร ขุนอำไพ พระลูกวัด ทางวัดได้มีการจัดสวดอภิธรรมวันละ 4 รอบ เนื่องจากมีหน่วยงาน และภาคประชาชนเสนอร่วมเป็นเจ้าภาพจำนวนมาก จึงได้มีการแบ่งส่วน 4 ช่วงเวลา คือ 13.00 น., 15.00 น., 17.00 น., และ 19.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีจิตศรัทธา
นอกจากนี้ด้านหลังวัด มีโรงครัวพระราชทาน จากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดเลี้ยงประชาชนที่เดินทางมาร่วมพิธีสวดอภิธรรมศพ และยังมีโรงครัวของวัดอีกส่วนหนึ่งซึ่งประกอบอาหารบริการแขกที่มาร่วมงาน
โดย
พ่อของเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า ตนรู้สึกเสียใจและลำบากใจที่จะพูดถึงความสูญเสียในครั้งนี้ เนื่องจากยังไม่ทันตั้งตัว และที่สำคัญเจ้าอาวาสเป็นพระนักปฏิบัติที่อยู่ในศีลธรรม เป็นที่รักและเคารพของชาวบ้านในพื้นที่ รวมถึงเป็นพระนักพัฒนา ฉะนั้นเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์อย่างนี้นั้น ตนต้องการให้เป็นเหตุการณ์แรกและเหตุการณ์สุดท้าย อยากให้ผู้ก่อเหตุทั้งหมดเลิกทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน
ขณะที่
แม่ของเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า ไม่ว่าศาสนาใดก็ควรต้องรักกัน ขออย่าให้มีการทำร้ายซึ่งกันและกันอีก และผู้ก่อการร้ายก็ไม่ควรคิดทำร้ายพระสงฆ์ เพราะว่าพระไม่เคยคิดทำร้ายใคร จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก อีกทั้ง ตนต้องการทราบว่า หากฝ่ายผู้ก่อเหตุสูญเสียญาติพี่น้องอย่างที่ครอบครัวของตนกำลังประสบอยู่บ้างจะรู้สึกอย่างไร
ด้าน
นางดา (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่เจ้าอาวาส และพระลูกวัด นั่งพูดคุยกันอยู่บริเวณด้านข้างศาลา รวมถึงมีการดื่มน้ำชา ซึ่งปกติตนและเพื่อนสนิท จะเป็นคนถวายน้ำชาให้กับพระเจ้าอาวาส แต่ในวันเกิดเหตุ ตนถวายน้ำชาเสร็จจึงตัวกลับบ้านก่อน จากนั้นจึงทราบว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายพระในวัด ซึ่งหากในวันดังกล่าว ตนและเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งอยู่ที่วัด ก็อาจถูกยิงตายหรือบาดเจ็บไปด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าตนจะไม่ได้อยู่ภายในวัด แต่ก็อาศัยอยู่ที่บ้านไม่ไกลจากวัด และได้ยินเสียงปืนดังสนั่นพื้นที่ ประมาณ 15 นาที
นางดา กล่าวต่อว่า ปกติวัดมีแต่ความสงบ ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น กระทั่งก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน เริ่มมีคนแปลกหน้า และคนต่างศาสนามาที่วัดบ่อยครั้ง โดยแต่ละครั้งที่เข้ามา ก็มักจะอ้างกับเจ้าอาวาสว่า มาขอซื้อเศษเหล็กเก่า บางครั้งก็มีมาทำทีว่าขอส่องนกตามต้นไม้ ซึ่งตนเชื่อว่า กลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้เข้ามาสังเกตการณ์ภายในวัด เพราะหลังเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่เคยเจอหน้ากลุ่มคนเหล่านั้นอีกเลย
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าคนร้ายมีพฤติกรรมโหดร้าย ตนจึงต้องการให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ชดใช้ตามเวรกรรม และอยากให้ตายอย่างทรมานเหมือนที่ได้กระทำกับผู้เสียชีวิต